นิสสันเอ็กซ์เทรลที่ค่ายนิสสันนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ต่างจากตอนที่ทำตลาดเทอร์ราโนทูตัวนั้นร้อนแรงมากจนถึงวันนี้ก็ยังมีหลายคนถามหากันอยู่ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการเปิดตัวที่ไม่ตรงกับความต้องการในช่วงนั้นๆ อย่างตอนแรกเปิดตัวด้วยเครื่องยนต์เบนซินในช่วงที่เครื่องดีเซลมาแรงทำให้ไม่โดนใจคนไทยพอถึงคราวต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็นตัวดีเซล ตลาดกลับหาเครื่องยนต์เบนซินมาติดแก๊ส และในตอนนั้นราคาน้ำมันดีเซลสูงมาก จึงยังไม่ตรงกับความต้องการของคนไทยอยู่ดี
สำหรับตัวนี้จะเป็นเอ็กซ์เทรลรุ่นที่ 2 วางตลาดในช่วงต้นปี 2553 ที่ทำให้เอ็กซ์เทรลกลับมาเป็นรถที่ตรงกับความต้องการของคนไทยพอดีสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในเรื่องราคาและความประหยัด โดยราคาสามารถตั้งได้ต่ำกว่ารุ่นแรกเนื่องจากใช้อินโดนีเซียเป็นฐานการผลิต อาศัยการส่งเครื่องยนต์และเกียร์ไปจากเมืองไทย ทำให้ขายกันได้ในราคา 1,065,000 บาท ขณะที่เครื่องยนต์ก็เน้นในเรื่องความประหยัด ซึ่งความแรงเอาไว้ทีหลัง จึงนำเครื่องยนต์พร้อมชุดเกียร์ที่เคยวางอยู่ในตัวเทียน่า 2.0 มาใช้ จึงประหยัดเรื่องของการสต็อกอะไหล่ได้เยอะ
ในเมืองไทยเอ็กซ์เทรลอาจจะไม่โด่งดังติดอันดับเบอร์ต้นๆ แต่ในญี่ปุ่นชื่อนี้กลับครองความเป็นหนึ่งติดต่อกันมาหลายปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความหลากหลายของการจัดเก็บสัมภาระนั่นเอง กับรูปโฉมที่ดูทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังคงสไตล์รถ SUV ไว้เช่นเดิม เพียงแต่เหลือระบบขับเคลื่อนสองล้อหน้าเอาไว้แบบรถใช้งานทั่วๆไป ซึ่งรถประเภทนี้ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งทนทานสามารถตอบสนองการใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง จุดด้อยของรุ่นแรกอยู่ตรงแก้มหน้าทั้งสองที่เคยลองนำเอาพลาสติกมาใช้ในตัวแรกก็ถูกยกเลิก รุ่นนี้หันกลับมาใช้เหล็กเหมือนเดิม ซึ่งส่งผลทางใจได้เยอะ แต่อุปกรณ์บางอย่างก็จะขาดหายไปอย่างไฟตัดหมอกทำให้ไม่ได้อารมณ์เต็มร้อยแบบรถลุย
เอ็กซ์เทรลนั้นได้เลือกตัวถังแรงสี่เหลี่ยมมาใช้เพื่อให้ห้องโดยสารมีความกว้างไว้มากที่สุดและรถทรงเหลี่ยมก็ได้อารมณ์ความเป็นรถ SUV มากกว่าพวกตัวถึงลาดอีกด้วย ภายในห้องโดยสารจึงดูกว้างๆให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติขึ้นเยอะจากการย้ายแผงมาตรวัดมาอยู่หลังพวงมาลัยแทนที่จะอยู่ตรงกลางแบบครั้งก่อน และย้ายกล่องเก็บของไปไว้ตรงกลางแทน ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายเส้นที่วางมาจากแผงหน้าปัดรถยนต์ไปจรดขอบประตูอย่างลงตัวทำให้ดูกว้างขวาง เบาะนั่งนุ่มๆ พร้อมที่พักแขนช่วยให้ได้ความสบายยามเดินทาง
เบาะนั่งติดพนักพิงศีรษะไว้ 5 ตำแหน่งแต่ทางนิสสันบอกว่าจะดีมากๆกับผู้ใหญ่ 4 คนที่นั่งในรถจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดซึ่งจะช่วยได้เยอะเวลาเดินทางเป็นเวลานานๆ
จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครก็คือพื้นที่เก็บสัมภาระ หากเป็นรุ่นอื่นก็จะมีพื้นเรียบๆแลัวพับเบาะเพิ่มแต่ตัวเอ็กซ์เทรลไม่ใช่ ตรงพื้นวางของถูกออกแบบให้เป็น 2 ชั้นเป็นที่เก็บของแบบมีลิ้นชัก ทำให้เก็บสัมภาระที่ไม่พึงปรารถนาอย่างพวกมีกลิ่นหรือเป็นสิ่งของที่ต้องการปกปิดเก็บไว้ในลิ้นชักเก็บของที่เลื่อนเก็บได้ เมื่อความสูงไม่พอก็สามารถถอดลิ้นชักออกให้พื้นลดต่ำลงก็จะได้พื้นที่จัดเก็บมากขึ้น โดยจะจุได้ถึง603 ลิตร ซึ่งพื้นปูจะเป็นแบบยกออกมาล้างทำความสะอาดได้เหมาะกับกิจกรรมกีฬากลางแจ้งเป็นอย่างยิ่ง พื้นปูก็ยังถูกออกแบบเป็นลอนเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของลื่นไหลมีช่องเก็บของพร้อมแผ่นกันลื่นสามารถเคลื่อนย้ายได้อยู่ใต้บอร์ดเก็บสัมภาระ เพื่อทำเป็นที่เก็บของพร้อมมีฝาปิด เหตุที่ด้านหลังเก็บของได้เยอะเพราะมีการปรับตำแหน่งโช็คอัพหลังให้เอื้อต่อการใช้พื้นที่ด้านหลังเยอะๆ
มาถึงจุดเด่นอีกจุดหนึ่งของเอ็กซ์เทรลที่ไม่มีในรุ่นแรกก็คือความประหยัดจากการวางเครื่องยนต์ MR20DE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ของเทียน่ามาใช้แบบไม่ต้องเป็นเครื่องใหญ่ๆก็ได้ เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบ 4 สูบ 16 วาล์วพร้อมวาล์วแปรผัน CVTC ที่ให้กำลัง 136 แรงม้าที่ 5200 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 198 นิวตัว-เมตรที่ 4400 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังก็จะเป็นเกียร์ XTRONIC CVT 6 จังหวะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ได้รอบต่ำแค่ 2000 รอบที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ซึ่งอัตราเร่งช่วงความเร็วต่ำจะทำได้ดี ส่วนความเร็วระดับ 80 กม./ชม. จะช้าลงและช้าลงมากเมื่ออยู่ที่ 140 กม./ชม. ขึ้นไป ส่วนความเร็วระดับ 170 กม./ชม. ยังคงทำได้อยู่