ไม่ใช่เรื่องง่ายในการรักษาเอกลักษณ์เอาไว้แต่มินิก็พยายามทำอยู่จนได้รถที่มีหน้าตาคล้ายๆกัน ต่างกันที่ลักษณะการใช้ของรถรุ่นต่างๆ จนประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับมากเกือบๆจะเท่าๆกับมินิที่ออกมาครั้งแรกด้วยซ้ำไปเพราะมินิคือรถตัวถังเล็ก แต่มีบางรุ่นที่ตัวถังขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งความนิยมในค่าความเป็นมินิน้อยลงไปบ้าง ราคารถเก่าน่าก็หดหายไปเยอะ เห็นได้ชัดเจนว่าตลาดต้องการมินิคันเล็กๆมากกว่า
มินิส่วนใหญ่เป็นรถ 2 ประตู มีฝาท้ายจะเปิดแบบไหนก็แล้วแต่ชอบ อาจจะมีบางคนไม่สะดวกในการเข้าออกเพื่อไปนั่งเบาะหลัง นั่นคือข้อจำกัดของการเป็นรถ 2 ประตู จะมีก็แต่คลับแมนที่สามารถเพิ่มประตูเล็กๆแบบกระบะแค็บมาให้ ซึ่งก็ได้เพียงข้างเดียว พอใส่กับรถพวงมาลัยขวาดันไปอยู่หลังคนขับอาจจะอันตรายหากเปิดไม่ดูตาม้าเรือ
รุ่นนี้เป็นครั้งแรกที่มินิได้เข้ามาอยู่ในสังกัดของบีเอ็มดับเบิ้ลยูแล้วมีการขยายตัวถังเพื่อสามารถใส่ประตูเพิ่มได้อีก 2 บานช่วยให้การเข้าออกทำได้สะดวกขึ้นในรุ่นคันทรีแมน ที่ถูกสร้างภายใต้นิยาม “Urban Mobility + Impressive Flexibility” ให้เป็นรถที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นแต่ยังคงปราดเปรียวเวลาใช้งานในเมือง
ประโยชน์ใช้สอยได้เต็มๆ แบบรถ 4 ประตู4 ที่นั่ง ได้ฝาท้ายขนาดใหญ่เปิดได้กว้าง มีห้องโดยสรที่ปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบเพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันโดยเฉพาะ Center Rail Storage ที่เพิ่มประโยชน์ใช้สอยสำหรับการจัดเก็บสิ่งของต่างๆภายในห้องโดยสารอย่างชาญฉลาด
คันทรีแมนรุ่นนี้ขับเคลื่อนสองล้อหน้า มีที่นั่งสำหรับสี่คนที่ได้ความสบายมากกว่ามินิรุ่นก่อนๆ กับเบาะหลังที่สามารถปรับเลื่อนเดินหน้าหรือถอยหลังได้ รวมไปถึงพนักพิงของเบาะทั้งสองที่นั่งสามารถปรับเอนแยกกันได้อย่างอิสระ เพื่อให้มีพื้นที่พอสำหรับการใส่ประตูเพิ่ม คันทรีแมนจึงมีตัวถังที่ใหญ่กว่ารุ่นคลับแมนในทุกๆมิติ ทั้งความกว้าง ความยาว และความสูงมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสี่ล้อและสองล้อที่มีพละกำลังต่างกันออกไป
ด้วยมิติของห้องโดยสารที่ใหญ่ขึ้นสามารถตอบสนองสำหรับการใช้รถเพื่อเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดได้สำหรับครอบครัวหรือผู้โดยสาร 4 คน เป็นการขยายฐานลูกค้าของมินิให้กว้างขึ้น รวมไปถึงครอบครัวรุ่นใหม่ที่ชอบความเป็นสปอร์ต สามารถพับเบาะหลังเก็บสัมภาระได้
เรื่องของความสนุกในการขับขี่ คันทรีแมนยังคงเอกลักษณ์ Go-Kart Feeling เอาไว้ เพียงแต่อัตราเร่งของคันทรีแมนขับสองยังสนุกสู้ตัวสี่ล้อไม่ได้เพราะรุ่นนี้ได้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.6 ลิตร ไม่มีเทอร์โบมาให้ แต่ก็ยังมีระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC มาให้ กำลังสูงสุดอยู่ที่ 122 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตรที่ 4250 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมฟังก์ชั่น Steptronic ให้อัตราเร่งจาก 0 -100 กม./ชม. ในเวลา 11.6 วินาที
อัตราเร่งของคันทรีแมนขับสองอาจจะช้าหน่อยเมื่อต้องแบกน้ำหนักตัวถังที่หนักขึ้น แต่ก็มีจังหวะสองเมื่อกดคันเร่งจมค้างไว้อัตราเร่งจะมารวดเร็วขึ้นพร้อมกับอัตราบริโภคที่สูงตามไปด้วย สำหรับมินิคันทรีแมนรุ่นนี้สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ อี 20 ได้จึงทำให้เสียภาษีต่ำลงราคารถใหม่ของคันทรีแมนขับสองนี้อยู่ที่ 2,590,000 บาท เป็นราคาที่ปรับลดลงมาของรถนำเข้าอย่างมินิคันทรีแมน
เรื่องการบังคับควบคุมยังคงเฉียบคมตามแบบฉบับมินิด้วยพวงมาลัยแบบ (Electric Power Steering) จะได้คามแม่นยำยังช่วยเพิ่มความประหยัดได้ดีกว่าพวงมาลัยเพาเวอร์น้ำมัน พวงมาลัยจะมีจุดเด่นมากมายนอกเหนือไปจากระบบแชสซีที่เหนือชั้นและพวงมาลัยที่เฉียบคมก็ยังได้ระบบอิเลคทรอนิคเสริมในด้านความปลอดภัยต่างๆทั้งระบบรักษาเสถียรภาพ DSC , ระบบเบรกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรกอีบีดี ระบบ Cornering Brake Control , ระบบ Brake Assist
เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยแบบหัวใจไร้สายก็ยังมีมินิคอนเน็ค เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างรถยนต์มินิกับไอโฟน 4 เพื่อสนับสนุนการใช้งานระบบข้อมูลและความบันเทิงภายในรถยนต์โดยจะผนวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว มินิคอนเน็คสามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรมเฟซบุค , ทวิตเตอร์ , เว็บนิวส์ และเว็บเรดิโอ รวมไปถึงโปรแกรม MINIMALISM Analyzer โดยทำหน้าที่แสดงผลวิเคราะห์ข้อมูลความประหยัดน้ำมันและการคายไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์ คำนวณผ่านคอมพิวเตอร์ ออน-บอร์ดของมินิแล้วแปลงผลที่ได้ออกมาเป็นรูปคะแนนเป็นแบบเดียวกับการเล่นเกมส์ผ่านทางไอโฟน 4 นอกจากนั้นยังคงมีคำแนะนำในการขับเพื่อความประหยัดมากขึ้นซึ่งคะแนนที่ได้จากการขับขี่จะถูกบันทึกไว้ด้วยโปรแกรม MINIMALISMN Analyzer สามารถเชื่อมต่อกับระบบเดียวกันกับมินิคันอื่นได้เปรียบเทียบอันดับในการขับขี่แบบประหยัดเหมือนกับการแข่งขันเพื่อให้ใช้พลังงานกันน้อยลง