รถกระบะในเมืองไทยถึงจะมียอดขายเยอะ แต่มักเน้นเฉพาะขาใหญ่เป็นหลัก การจะเข้าไปขอแบ่งยอดขายมาได้นั้นเป็นเรื่องลำบากยากเข็ญสำหรับน้องใหม่ช่วงที่ทาทาเปิดตัวรถกระบะซีนอนในเมืองไทย ก็ต้องอาศัยช่องว่างที่มีอยู่บ้างสำหรับการเจาะกลุ่มผู้ซื้อที่อยากได้รถแบบใช้งานคุ้มค่า
เริ่มแรกทาทาก็มุ่งไปยังตลาดรถกระบะแบบเดียวกับของญี่ปุ่น เพียงแต่เน้นความประหยัดด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร ก็ยังไม่สามารถเจาะตลาดรถกระบะเมืองไทยได้
ได้โอกาสเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทาทาจึงจับเครื่องยนต์ดีเซลมาลดกำลังอัดลง แล้วใส่ระบบจุดระเบิดเข้าไปเพื่อให้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีได้ ปรากฏว่าทาทาเดินมาถูกทางยอดขายของทาทาซีนอนเริ่มเดินไปได้
พอรัฐบาลประกาศปรับราคาก๊าซก็ถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับรถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี ทางทาทาจึงเพิ่มตลาดด้วยทาทาซีนอนที่ใช้กระบะพื้นเรียบ เอาใจคนทำงานที่อยากได้รถกระบะบรรทุกแบบเต็มพิกัด
เป็นการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งค่ายทาทายังยืนหยัดสู้ต่อหลังจากเข้ามาในตลาดเมืองไทยประกอบรถขายครั้งแรกเมื่อปี 2008 ขายจริงๆ เมื่อปี 2009 โดยมียอดขายอยู่ 2500 คันในปีแรกพอปี 2010 ที่ทางทาทาได้ประกอบซีนอนซีเอ็นจีออกมา ยอดขายกระบะพื้นเรียบทำได้เกือบๆ 5,000 คัน เมื่อมีกระบะพื้นเรียบเสริมในตัวรถดีเซล ยอดขายก็น่าจะบวกเพิ่มได้เป็น 5,500 คัน
สำหรับทาทาซีนอนมีสโลแกน “ แตกต่างอย่างเรียบง่ายและมีคุณค่า “ ที่ผ่านมทาทาซีนอนบุกตลาดหน่วยงานราชการไม่ได้เพราะเครื่องยนต์ซีซีน้อยกว่าเกณฑ์ พอได้ฟอร์ดกับมาสด้าลงมาเล่นเครื่องยนต์ 2.2 ลิตรด้วยก็ทำให้ข้อกำหนดเรื่องความจุจากสำนักงบประมาณลดลงได้ในเมืองไทยตลาดรถกระบะมีการใช้งานส่วนตัวและกึ่งส่วนตัวมากขึ้นขณะที่รถไม่มีแค็บกลับมีส่วนแบ่งน้อยจึงเบนเข็มมายังตลาดตอนครึ่งด้วยทาทาซีนอน แม็กซ์แค็บ ที่เน้นความต่างตรงกระบะพื้นเรียบ สำหรับการขนของได้มากขึ้น อย่างช่างแอร์จะชอบเพราะได้ที่วางของเยอะ
ส่วนของกระบะจะให้ค่ายไทยรุ่งฯผู้มากประสบการณ์เป็นผู้ผลิต ซึ่งรถกระบะพื้นเรียบแบบไม่มีซุ้มล้อจะได้รับความนิยมในตลาดออสเตรเลีย แอฟริกา รูปโฉมส่วนหน้าก็เหมือนกับทาทาซีนอนทั่วไปแต่จะได้พื้นที่แค็บเพิ่มเข้ามา ตัวถังสีขาวกันชนดำ ส่วนพื้นกระบะมีความกว้าง 1,860 มม. ยาว 2050 มม.
เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่เป็นของ ABL ประเทศออสเตรีย ความจุ 2179 ซีซี 2.2 VTT DICOR ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ DOHC 16 วาล์ว กำลังที่มี 140 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 2,700 รอบต่อนาที จะเห็นได้ว่าแม้จะใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร แต่มีกำลังไม่ด้วยกว่าไปกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ทั่วๆไป
รอบเครื่องยนต์ต่ำ สำหรับรถขนาด 2.2 ลิตร เรียกอัตราเร่งได้พอสมควร ช่วงออกตัวไม่ช้า อัตราเร่งแซงต้องค่อยๆ กดคันเร่ง ถึงจะกดหนักอัตราก็ไม่ได้แตกต่างไปสักเท่าไหร่ รถรุ่นนี้ทาทาออกแบบมาเอาใจคนใช้งานในเมืองมากกว่า อัตราบริโภคอยู่ในระดับเดียวกับรถ 2.5 ลิตร เครื่องยนต์อาจจะไม่โด่งดังในตลาดเมืองไทย แต่ก็เป็นเครื่องยนต์อเนกประสงค์ที่วางอยู่ในซาฟารี ซูโม่ รวมไปถึงรถหรูอย่าง เรนจ์โรเวอร์ อีโวค ที่ถูกเพิ่มกำลังให้สูงกว่าที่อยู่ในซีนอน
แผงคอนโซลของซีนอนจะต่างไปจากรถกระบะทั่วๆ ไปโดยจะเน้นความบาง สำหรับการลดพื้นที่ ส่วนมาตรวัดจะแยกจอออกมาแบบรถย้อนยุค พวงมาลัย 4 ก้านวงใหญ่ใช้แบบบอลแอนด์นัทสำหรับความทนทาน
คันเกียร์จะยาวหน่อย ใช้หัวเกียร์สีตะกั่ว แต่การประกอบรุ่นนี้ทำได้ดีกว่าซีนอนรุ่นแรกๆ สำหรับค่าตัวตอนนั้นอยู่ที่ 504,000 บาท ก็เป็นราคาที่คนทำงานพอจะสู้ไหวแต่ด้วยคู่แข่งที่เยอะทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาดไว้