
การเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยของค่ายเชฟโรเลตถึงจะเข้ามาหลังค่ายอื่นแต่อาศัยจุดแข็งในการเป็นพันธมิตรรถกระบะ ของอีซูซุ นำมาปรับช่วงล่างให้หนึบจึงทำให้เชฟโรเลตมีจุดขายของตัวเอง ไม่ต้องตกม้าตายเหมือนหลายๆค่ายที่นำรถอีซูซุไปขายในชื่อตัวเอง ในตัวโคโลราโดปี55ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่แบบยกชุดทั้งตัวถังและเครื่องยนต์ซึ่งจะไม่เหมือนกับอีซูซุ ใช้ตัวถังใหม่ แต่การปรับปรุงเครื่องยนต์เก่าให้มีกำลังมากขึ้น สำหรับตัวท็อปของแค็บ ก็คือรุ่น 2.8 L 4 WD X-Cab LTZ Z71 ค่าตัว 852,000 บาท
การปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ของโคโลราโด ทำให้ได้รถกระบะที่มีเสน่ห์ดึงดูดสายตาคนที่พบเห็น กับเส้นสายบนตัวถังที่คมชัดหน้าเตี้ยท้ายยกสูง กระจังหน้าแบบ 2 ชั้นที่คั่นด้วยแถบใหญ่พร้อมโลโก้โบว์สีทอง ชุดไฟหน้าเหมือนกับพวกรถเอสยูวีฝังไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ชอบมากเวลาขับกลางคืนเมื่อเปิดไฟสูงลำแสงจะสว่างออกไป แสงสีเหลืองๆกระจายไปทั่วทำให้เห็นภาพข้างหน้าได้ชัดเจนแม้จะเป็นตอนกลางคืนก็ตาม
ด้านล่างของกันชนหน้าจะมีแผ่นกันกระแทกเสริมความแข็งแกร่งป้องกันอ่างน้ำมันเครื่องโดนกระแทกเวลาลุย ไฟท้ายเป็นหลอดแอลอีดีให้ความสว่างอย่างชัดเจนพร้อมไฟตัดหมอกหลัง
ในห้องโดยสารด้านหน้าจะเป็นแผงคอนโซลใหม่ออกแบบมาให้โค้ง ตรงกลางจะเป็นปุ่มควบคุมที่ลดความเกะกะลงด้วยการใช้ปุ่มกลมใหญ่ๆ สำหรับการควบคุมเครื่องปรับอากาศ มีตัวเลขบอกอุณหภูมิขนาดใหญ่ แต่รำคาญบ้างเพราะจะสะท้อนไปยังกระจกหลัง แล้วสะท้อนกระจกกลับมายังกระจกมองหลังที่อยู่ในระดับสายตาพอดี พวกเครื่องเสียงก็ไม่ต้องเปลี่ยนให้เสียเวลา เพราะใช้การซ่อนไว้ด้านใน มีแค่ปุ่มปรับและช่องเสียบแผ่นซีดีได้เหมือนกับพวกรถเก๋งเข้าไปทุกที
มาตรวัดขนาดใหญ่มุมมองเห็นได้ชัดเจน มีการย้ายสวิตซ์ไฟตรงก้านยกเลี้ยวมาไว้ตรงแผงคอนโซลแทนแล้วให้ก้านยกเลี้ยวเป็นสวิตซ์ปรับเปลี่ยนข้อมูลของจอแสดงผลเพื่อให้รู้อัตราบริโภค อุณหภูมิ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ตรงพวงมาลัยก็จะเป็นปุ่มควบคุมเครื่องเสียงกับโทรศัพท์แทน เครื่องเสียงที่ให้มาแบบ 2 ดิน มีการเชื่อมต่อบลูธูท MP 3 USB และ AUX ให้เสียงผ่านลำโพง 6 ตัว มีเสียงสดใส หากใช้ความเร็วต่ำจะได้ยินเสียงคมชัด แต่พอใช้ความเร็วสูงๆ เสียงข้างนอกจะรบกวนมาก
ง่ายสำหรับการเข้าออกในส่วนแค็บจากแค็บที่เปิดได้ทำให้เก็บสัมภาระได้สะดวกขึ้น ถึงแม้ว่าจะแข็งแรงน้อยกว่าแค็บปิดตายที่มีเสากลางใหญ่ก็ตามแต่กับความสะดวกคนส่วนใหญ่จะเลือกแค็บเปิดได้มากกว่า
ขุมพลังใหม่ถูกวางในรุ่นนี้ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลดูราแม็กซ์ 2.8 ลิตรที่ผลิตในเมืองไทยเอง เป็นเครื่องยนต์ของเชฟโรเลตผลิตจากศูนย์ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่ระยอง พัฒนาโดยทีมวิศวกรระดับโลกของจีเอ็ม เพื่อคามทนทาน กำลังสูงและประหยัดน้ำมันเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว คอมมอนเรลไดเร็ค อินเจคชั่น พร้อมเทอร์โบแปรผันและอินเตอร์คูลเลอร์รุ่นล่าสุดให้กำลังสูงถึง 180 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำให้ออกตัวได้เร็ว อัตราเร่งมาอย่างต่อเนื่อง หากใช้งานในเมือง นอกเมืองที่ต้องยกคันเร่งบ่อยถึงแม้ว่าเกียร์จะไม่ใช้หมดก็ตาม แต่พอยกคันเร่งการจ่ายน้ำมันจะถูกตัดความประหยัดก็ตามมาอัตราบริโภคค่อนข้างดีกว่ารุ่นเก่า กับตัวเลข 12 กม.เศษๆ ต่อลิตร ในความเร็ว 100 – 120 กม./ชม. เมื่อเดินทางไกลใช้ความเร็วสูงระดับ 120 – 140 กม./ชม. อัตราเร่งในการเร่งแซงจะช้าลงเล็กน้อยจากเกียร์ที่ต้องลดลงมา อัตราบริโภคจึงจะเพิ่มขึ้นเป็น10 กม. เศษๆ ต่อลิตร แต่ก็ดีกว่าตัวเก่าที่มีอัตราบริโภคมากกว่านี้
การเดินทางไกลด้วยความเร็วคงที่แล้วกดคันเร่งช้าๆ อัตราบริโภคจะน้อยกว่านี้ เพราะรอบเครื่องยนต์จะต่ำมากที่ความเร็ว 100 กม./ชม จะอยู่แค่ 1,600 รอบต่อนาทีเท่านั้นเองการลุยก็ทำได้ง่ายจากปุ่มปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนข้างๆ คันเกียร์ ถนนขรุขระช่วงล่างเอาอยู่ ถึงจะเป็นทางเรียบเวลาใช้ความเร็วสูงๆ ก็ไม่มีปัญหาสำหรับรถตัวถังสูงแบบขับเคลื่อนสี่ล้อคันนี้