ฟอร์ดโฟกัส ก็เป็นรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ใส่อะไรใหม่ๆ มาให้อยู่เสมอ สำหรับโฟกัสรุ่นนี้ในช่วงงานมอเตอร์โชว์ปี 2012 ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่มาให้เยอะ ด้วย 4 รุ่นที่มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นต่ำแอมเบียนท์ รุ่นกลาง คือ เทรนด์ รุ่นสูงคือ สปอร์ตและไทเทเนี่ยม พลัส มีให้เลือกทั้งแบบ 4 ประตู และ 5 ประตู มีลูกเล่นแพรวพราวเทียบได้กับรถราคาหลายล้าน แต่ฟอร์ดใจป้ำ นำมาใส่ไว้ในรถราคาระดับล้าน
SYNC เป็นระบบเชื่อมต่อที่ฟอร์ดร่วมมือกับค่ายยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ พัฒนาให้ใช้ได้กับมือถือทุกๆ ค่าย รวมถึงอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงแบบดิจิตอลแทบทุกชนิดผ่านทางบลูทูธและช่องยูเอสบี ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้คำสั่งเสียงสำหรับโทรศัพท์หรือเล่นเพลงโปรดได้ด้วยภาษาอังกฤษทำให้ปลอดภัยโดยไม่ต้องละสายตาออกจากถนน เพื่อความสะดวกในการใช้งานก็มีกุญแจรีโมทอัจฉริยะที่ไม่ต้องหยิบรีโมทมาเมื่อต้องการปลดล็อคประตู เข้าไปนั่งก็สามารถสตาร์ทรถด้วยการกดปุ่มได้ทันที
เครื่องยนต์จะมีทั้งรุ่น 1.6 และ 2.0 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ฟอร์ดนำมาใส่ไว้ในโฟกัส รุ่น 2.0 ลิตร เป็นเพียงรุ่นเดียวที่ฟอร์ดนำมาให้ขับกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว มีระบบแปรผันแคมชาร์ฟแบบอิสระคู่ระบบฉีดตรงหรือไดเร็คอินเจ็คชั่น ใช้ปั้มแรงดันสูง ท่อร่วมน้ำมันเชื้อเพลิงแสตนเลส หัวฉีด 6 รู ควบคุมการฉีดน้ำมันแยกส่วนขับเคลื่อนแคมชาร์ฟด้วยโซ่ หากได้เทอร์โบมาช่วยก็คงจะครบสเต็ปความแรง แต่คันนี้ 190 กม./ชม. ก็ทำได้แล้ว การทรงตัวในระดับความเร็วแบบนี้ ก็มั่นใจได้กับช่วงล่างที่หนึบขึ้น
กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตรอยู่ในระดับสูงของรถระดับนี้ ระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติ 6 สปีด คลัตซ์คู่ แบบแห้ง ที่ทำให้กำลังของเครื่องยนต์ส่งออกมาทำได้ต่อเนื่อง อัตราเร่งของโฟกัส 2.0 ทำได้ดีกว่ารุ่นเดิมเยอะ รวมทั้งการเกาะถนนให้อารมณ์เป็นรถยุโรปได้เป็นอย่างดี แม่นยำด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าที่ปรับน้ำหนักได้พอดี การขับเส้นทางคดโค้ง บนภูเขาจึงทำได้สนุก
นอกจากความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อและสมรรถนะของตัวรถแล้ว ความปลอดภัย ฟอร์ดก็นำมาใส่เอาไว้เยอะ อย่าง BLIS เป็นระบบตรวจจับรถในจุดบอดโดยใช้สัญญาณเรด้าห์จากระบบเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ทั้งสองด้าน ทำให้โฟกัสสามารถตรวจหารถคันอื่นที่อยู่ในจุดบอดเพื่อเตือนให้คนขับได้รับรู้จากสัญญาณไฟสีส้มที่ปรากฏชัดเจนบนกระจกมองข้าง
เวลาใช้งานในเมืองด้วยความเร็วต่ำอาจจะขาดความระมัดระวัง โฟกัสจึงมีระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำด้วยการใช้การวัดระยะจากเซ็นเซอร์ สำหรับส่งแรงเบรกไปยังล้อเมื่ออาจจะเกิดการชนที่ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. รถจะเบรกทันทีเมื่อเข้าใกล้มากเกินไปประมาณ 3 วินาที จากนั้นก็จะใช้คนขับเบรกต่อ
อีกระบบหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่คล่องกับการจอดรถด้วยระบบช่วยจอดอัจฉริยะ อาศัยพื้นที่ว่าง 1.2 เท่า ของตัวรถสำหรับเข้าไปจอด ซึ่งจะทำได้คล่องกว่าการนำรถเข้าไปจอดเอง การทำงานก็ง่ายๆ แค่กดปุ่มช่วยจอดรถกะหาพื้นที่ว่างพอสำหรับจอดเมื่อขับผ่านระบบก็จะโชว์ว่าพร้อมแล้วจากนั้นคนขับก็แค่ควบคุมเกียร์และเบรกโดยไม่ต้องจับพวงมาลัย รถก็จะทำการเข้าช่องจอด หากจับพวงมาลัยเมื่อไหร่ระบบก็จะตัดการทำงานทันที