เมื่อกระแสตลาดอีโคคาร์กำลังมาแรง ค่ายซูซูกิจึงกระโจนลงมาเล่นด้วยโดยการใช้จุดแข็งของสวิฟท์ที่คนไทยรู้จักกันดีอยู่แล้วมาปรับปรุงให้เข้ากฎที่กำหนดไว้ซึ่งซูซูกิก็ทำได้ ตามกฎของอีโคคาร์โครงการแรก เครื่องยนต์ต้องไม่เกิน 1300 ซีซี และต้องกินน้ำมันไม่น้อยกว่า 20 กม./ลิตร ค่ายซูซูกิจึงต้องปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็น 1250 ซีซี แทน เพื่อให้เข้ากับกรอบที่กำหนดไว้
ตัวถังเก่าที่เคยวางคู่กับเครื่องยนต์ 1500 ซีซี นั้นซูซูกิไม่ได้นำมาใช้ต่อ ดังนั้นรูปโฉมของสวิฟท์จึงใหม่ทั้งตัวถังและเครื่องยนต์เป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับตลาดรถอีโคคาร์ ตัวถังนี้ถูกออกแบบจากยุโรปเพื่อเปิดตัวในฮังการีต่อด้วยอินเดีย ญี่ปุ่นและไทยเป็นรูปโฉมที่ต่างไปจากเดิม เห็นได้ชัดเจนในส่วนของไฟและท้ายรถ
เมื่อซูซูกิจับสวิฟท์ลงตลาดอีโคคาร์ ทำให้สวิฟท์เป็นรถ 5 ประตูที่มีตัวถังใหญ่ที่สุดในขณะนี้ อีกทั้งการตกแต่งโมดิฟายด์ในอนาคตจะทำได้ง่ายกว่าค่ายอื่นที่มีห้องเครื่องขนาดใหญ่
เครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ ในรหัส K12 B ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผันทั้งทางฝั่งไอดีและไอเสีย ความจุจริง 1242 ซีซี สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ อี 20 ได้ กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิด 118 นิวตันเมตร ที่ 4800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติซีวีที ช่วงออกตัวมีแรงดึงเยอะตามสไตล์เกียร์ซีวีที หลังจากออกตัวไปแล้วก็จะใช้การเพิ่มน้ำหนักคันเร่งช้าๆ ให้สัมพันธ์กับความเร็วจะได้ยืดอายุเกียร์ได้ด้วย
รอบเครื่องยนต์ที่ใช้ต่ำกว่ารุ่น 1.5 เยอะ ความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 1750 รอบต่อนาที การเดินทาง 120 กม/ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ 2000 รอบ/นาทีการใช้สายพานเหล็กของชุดเกียร์ทำให้อัตราเร่งสนองตอบต่อคันเร่งทำได้ดีพอสมควร อัตราเร่งไม่ช้าแบบเกียร์ซีวีทียุคก่อน เมื่อได้ลองความเร็วสูงสูงบนทางราบสามารถทำได้ถึง 175 กม./ชม. เพียงพอสำหรับรถขนาดนี้
การเดินทางไกลสามารถทำได้ด้วยช่วงล่างที่ปรับเช็ตให้นุ่มเหมาะกับการใช้งานในเมืองด้วย การซับแรงกระแทกทำได้ดีมากสำหรับระบบกันสะเทือนอิสระแม็คเฟอร์สันสตาร์ทด้านหน้าและทอร์ชั่นบีมด้านหลัง
ช่วงทางโค้งเมื่อโช้คอัพยืดตัวมากเกินไป ทำให้ขาดความเฉียบคมไปบ้าง ส่วนพวงมาลัยที่ใช้พาวเวอร์ไฟฟ้าย้ายมอเตอร์มาไว้ใต้แผงคอนโซล เบามือแต่มีบ้างที่ต้องประคองพวงมาลัยเวลาใช้ความเร็ว