รถสปอร์ตระดับซูเปอร์คาร์ส่วนใหญ่จะเป็นรถตัวถังเตี้ยๆ ใส่เบาะได้ 2 ตัว ถึงจะเกาะถนนได้หนึบแต่ขาดความนุ่มนวล ทำให้รถเหล่านั้นเป็นได้แค่รถใช้งานวันหยุดนำไปขับเล่นขับโชว์มากกว่าการใช้งานจริงพอถึงช่วงเวลาหนึ่งรถซูเปอร์คาร์เหล่านั้นต้องออกแบบเอาใจตลาดด้วยการขยายตัวถังให้ใหญ่ขึ้น เพิ่มประตู เพิ่มเบาะนั่ง ทำให้ได้มากกว่าความตื่นเต้นแค่สองเราจากเพื่อนร่วมทางที่เพิ่มเข้ามา
พานาเมร่าคือการเปลี่ยนแปลงที่ปอร์เช่ต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ทางเดินที่เปลี่ยนไปทำให้ยอดขายของปอร์เช่ดีขึ้นตามไปด้วย รถสปอร์ตที่ใช้งานได้ทุกวันเป็นสิ่งที่ปอร์เช่มีและพานาเมร่าคือการเดินทางพร้อมกันสี่คนในรถที่มีความแรงในระดับซูเปอร์คาร์ เป็นความเร้าใจที่แบ่งปันกันได้ในสไตล์รถ 4 ประตู 4 ที่นั่ง
พานาเมร่า เอส ไฮบริดโฉมแรกเป็นการสานต่อจากการใช้เครื่องยนต์เพียวๆ เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยขับเคลื่อน ทำให้กลายเป็นรถที่ประหยัดที่สุดเท่าที่ปอร์เช่เคยมีมาพานาเมร่า เอส ไฮบริด ออกแบบตัวถังในสไตล์แกรนด์ทัวริสโม่สี่ประตู ที่ยังคงความเป็นสปอร์ต เร้าใจบวกกับความหรูหราที่มีมาให้ เพียงพอกับการเดินทางแบบหรูหราที่ได้จากรถคันนี้
ด้วยตัวถังขนาดใหญ่ของรถ 4 ประตู แต่ได้เส้นของหลังคาที่ลาดโค้งแบบรถคูเป้หมดปัญหาในเรื่องความลู่ลม การเข้าออกทำได้สะดวกเหมือนรถทั่วๆไปเบาะนั่ง 4 ตัวภายในห้องโดยสารถูกแยกออกจากกัน โดยมีแผงคอนโซลที่ยาวต่อเนื่องไปจนถึงด้านหลัง ไม่ว่าจะนั่งเบาะไหนก็ได้ความสบายเหมือนกัน
เบาะนั่งคู่หลังถูกคั่นกลางด้วยแผงคอนโซล เป็นเบาะนั่งรูปทรงเดียวกับเบาะหน้า ปุ่มควบคุมตรงกลางสามารถเลือกรูปแบบของลมเย็นได้ โดยมีช่องแอร์แยกออกจากกันอีกทั้งยังสามารถปรับเบาะได้อีกด้วย
แผงคอนโซลด้านหน้าไม่หนามาก ลาดโค้งลงเพื่อการมองเห็นที่ดี คันเกียร์ถูกร่นไปอยู่ข้างหน้าและอยู่ในตำแหน่งสูงกว่ารถทั่วๆไป ข้างๆจะเป็นปุ่มควบคุมที่มีให้เลือกเยอะมาก
การเลือกแบบการใช้งานในเมือง เน้นความนุ่มนวลมีระบบไฟฟ้ามาช่วยขับเคลื่อนก็ได้ความนุ่มนวลจริงๆ แต่การเข้าโค้งแรงๆ โช้คอัพจะยืดมากทำให้ขาดความแม่นยำ ในการออกตัวจะเป็นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน โดยให้กำลังสูงถึง 47 แรงม้า ตั้งแต่ 1,150 รอบต่อนาที โดยมีแรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,150 รอบต่อนาที พอออกตัวไปแล้วเครื่องยนต์ วี 6 2,995 ซีซี ที่ใช้บล็อกเครื่องยนต์และฝาสูบแบบอลูมิเนียมก็ทำงานต่อ เป็นเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงถึง 333 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด สูงสุด 440 นิวตันเมตรที่ 3,300 – 5,250 รอบต่อนาที การเข้าโค้งหรือหักเลี้ยวกระทันหันยังไม่เฉียบคมเท่าไหร่นัก เพราะความนุ่มนวลที่เลือกปรับไว้สำหรับการใช้งานในเมืองที่ไม่ต้องรีบเร่งอยู่แล้ว ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวจะสามารถเดินทางไปไกลถึง 2 กม.
การขับขี่เป็นสปอร์ตเห็นได้ชัดเจนในช่วงยุบหรือยืดน้อยกว่าขับขี่ทั่วไปทำให้การควบคุมได้ความแม่นยำขึ้นเยอะ จังหวะการหมุนของพวงมาลัยก็เข้าจังหวะของเส้นทางที่ต้องการ พละกำลังที่ออกแบบมาก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเมื่อเครื่องยนต์ได้รับการสนับสนุนด้านกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้กำลังมีสูงถึง 380 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที มีแรงบิดมากถึง 580 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำแค่ 1,000 รอบต่อนาทีเท่านั้นเอง
การขับขี่ทั่วๆ ไปเครื่องยนต์ก็มีพละกำลังที่เพียงพออยู่แล้ว หากต้องการกำลังสูง มอเตอร์ไฟฟ้ายังคงช่วยดันไปได้แม้จะใช้รอบเครื่องยนต์สูงอยู่ก็ตาม ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ใช้เวลาไปแค่6 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 270 กม./ ชม.
ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและมอเตอร์สตาร์ทในตัวโดยทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แยกของโมดูลไฮบริดขนาดเล็กที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับชุดเกียร์ อาศัยพลังจากแบตเตอรี่แบบนิกเกิล เมทัล ไฮไดรด์ ที่อยู่ในห้องเก็บสัมภาระถึงจะเสียพื้นที่ไปบ้างก็ยังคงเหลือพื้นที่เก็บสัมภาระอีกเยอะ การนำเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้ามาทำงานร่วมกันทำให้พานาเมร่า เอส ไฮบริดเป็นรถสปอร์ตที่มีอัตราบริโภคต่ำทำได้ 6.8 ลิตร ต่อ 100 กม. เป็นความประหยัดที่หาได้ยากสำหรับรถระดับนี้