ในอดีตค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์จะมีรถเอสยูวีอยู่ 2 แบบ ถ้าเป็นตัวถังเหลี่ยมแบบอนุรักษ์นิยมก็ต้องยกให้ จี-คลาสได้ใจคนชอบลุย หากเป็นคนเมืองที่ชอบความหรูหราก็ต้องเลือกรถตัวถังโค้งมนอย่างเอ็มแอลมาใช้ ซึ่งเอ็มแอลโฉมนี้จะเป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนโฉมในแบบ นิวเจนเนอเรชั่นหรือเฟชลิฟต์ เป็นการปรับเปลี่ยนให้ดูดุขึ้นในแบบรถตรวจการณ์ ซึ่งมีให้เลือกอยู่ 2 รุ่นหากเป็นรุ่นธรรมดาจะมีค่าตัว 5,999,000 บาท ส่วนรุ่นพรีเมี่ยม อิดิชั่น ราคา 6,199,000 บาท มีการปรับเปลี่ยนล้ออัลลอยด์ 5 ก้าน เป็น 19 นิ้ว จาก 18 นิ้ว พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งแบบสปอร์ต
รูปโฉมภายนอกดูโดดเด่นมากขึ้นด้วยแนวเส้นที่ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงพละกำลัง ด้านและด้านหลังของเอ็มคลาสเจนเนอเรชั่นที่ 3 จะแสดงให้เห็นถึงความสวยงามและความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยการออกแบบให้กันชนหน้าที่แข็งแกร่ง เปลี่ยนชุดไฟหน้าให้มีมุมล่างเป็นระดับชั้น สามารถมองเห็นได้ชัดเจนต่อเนื่องต่ำลงไป
ตรงกระชังหน้าจะมีขนาดใหญ่ขึ้น ด้วยกระจังหน้า 3 แถบที่มีช่องอากาศขนาดใหญ่เพื่อให้รับลมเข้าไประบายความร้อนให้กับหม้อน้ำได้เต็มที่ เป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ใช้สีตะกั่วรับกับขอบโครเมี่ยมที่ทำให้รถดูทรงพลังมากขึ้นเป็นส่วนที่โดดเด่นจากสีของตัวถัง
ไฟตัดหมอกถูกวางในตำแหน่งใหม่ รองรับการลุยด้วยแผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่องออกแบบใหม่ ให้เห็นถึงความกว้าง รองรับสมรรถนะในการลุยได้ดีขึ้น ถึงจะเป็นรถหรูแต่ก็สามารถลุยได้ในระดับหนึ่ง
กันชนหลังมาพร้อมแถบสะท้อนแสง ติดแผ่นกันกระแทกด้านล่างที่ทำจากเหล็กปลอดสนิม มีปลายท่อไอเสียคู่ทางท้ายรถ ขณะที่พื้นที่ของกระจกหลังจะมีมากขึ้น ช่วยให้คนขับมีทัศนะวิสัยที่ดีขึ้นให้เห็นถึงความกว้างของท้ายรถที่ดูเป็นสปอร์ตมากขึ้น พร้อมกรอบไฟถอยสีดำรมควัน ส่วนหลังคาจะมีรางสำหรับติดพวกแร็คหลังคาได้
ห้องโดยสารยังคงกว้างขวางสำหรับเอ็มแอล มีการยกระดับให้ดูภูมิฐานมากขึ้นด้วยการใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยม ตรงแผงคอนโซลและแผงประตูจะบุด้วยหนัง ARTICO ซึ่งจะต่างจากรถทั่วไปที่อาจจะใช้แผงคอนโซลเป็นพลาสติกล้วน อาจจะมีก็แค่ไวนีลที่หุ้มเอาไว้ให้มีความนุ่ม แต่เอ็มแอล จะใช้หนังหุ้มจึงได้ความหรูหรามากขึ้น
หนัง ARTICO ที่ใช้หุ้มจะตัดเย็บด้วยมือจึงเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังสลับด้วยลายไม้ อาจจะลื่นมือหน่อยในส่วนที่เป็นลายไม้ เป็นพวงมาลัยที่ปรับระดับได้ด้วยไฟฟ้าเพื่อความสะดวก ตรงแผงคอนโซลยังมีการเสริมด้วยลายไม้ Burr walnut พร้อมคิ้วโครเมี่ยมเพื่อความหรูหรา
เบาะนั่งจะเป็นเบาะหนังแท้นั่งได้สบาย มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ตรงท้ายรถได้ความหรูหราสไตล์เบนซ์ และมีความโปร่งโล่งมองเห็นทัศนวิสัยได้ดีแบบรถเอสยูวี
อุปกรณ์ที่ให้ความสะดวกสบายที่ติดมาให้พร้อมใช้งานด้วยระบบ telematics ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพสูง พร้อมฟังก์ชั่นใช้งานที่หลากหลายที่พัฒนาขึ้นโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่รวมไปถึงระบบ COMAND APS พร้อมระบบนำทางด้วย ดีวีดี , วิทยุ AM/FM เครื่องเล่นซีดี / ดีวีดี เอ็มพี 3 รองรับไฟล์ WMA และ AAC , SD การ์ดจัดเก็บเพลงไว้ในฮาร์ดดิส ขนาด 4 กิ๊กกะไบท์ แสดงผลด้วยจอสีขนาด 6.8 นิ้ว มีบลูทูธไว้เชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่และควบคุมการทำงานด้วยเสียงเป็นครั้งแรกที่ใช้กับ เอ็ม-คลาส
ถึงเป็นรถตัวถังใหญ่แต่เร่งแซงได้รวดเร็ว บวกกับความประหยัดของเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลในตัว ML 300 CD Blue EFFICIENCY ที่ใช้เครื่องยนต์ V 6 ขนาด 2987 ซีซี ให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้าที่ 4000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน- เมตร ที่ 1400 – 2800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้ให้อัตราเร่งนุ่มๆ คล้ายเครื่องเบนซิน แต่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ในเวลา 9.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 205 กม./ชม. อัตราบริโภคเฉลี่ยที่ได้ประมาณ 11 กม./ลิตร หากเป็นการเดินทางไกลจะได้ความประหยัดกว่านี้ รอบเครื่องยนต์ที่ใช้จะต่ำ ทำให้ประหยัดเมื่อสามารถใช้เกียร์สูงสุดได้ช่วงเดินทาง
เมื่ออยู่ในธรรมชาติยังสามารถเปิดซันรูฟด้วยไฟฟ้าเพื่อรับธรรมชาติได้รอบด้าน รถรุ่นนี้จะให้ความนุ่มนวลของช่วงล่างมากกว่ารุ่นที่แล้ว เวลาขับในเมืองจะรับรู้ถึงแรงสะเทือนน้อยมาก แต่อาจจะมีการโยกตัวมากหน่อยเมื่อลงจากที่จอดรถหรือคอสะพาน
การใช้ความเร็วจะได้ความมั่นใจในการควบคุมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ มีระบบช่วยทรงตัวขณะลากจูงและป้องกันล้อหมุนฟรี ช่วงลงเขาก็จะตั้งความเร็วได้ ระบบเบรกเอบีเอส เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมระบบช่วยเบรก ขณะที่ความปลอดภัยจากการทดสอบกันชนช่วยปกป้องผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี จนได้รับ 5 ดาวจาก NCAP ด้วยถุงลมนิรภัย 10 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยแบบผ่อนแรงและรั้งอัตโนมัติ หมอนรองศีรษะ NECK- PRO head restraints รวมถึงระบบป้องกันคุ้มครองล่วงหน้า PRE – SAFE ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับรถเอสยูวีครั้งแรกในรถรุ่นนี้