ตอนเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยค่ายโปรตอนมีรถใหม่ออกมาป้อนตลาดอย่างต่อเนื่อง ที่เน้นตลาดรถขนาดเล็กเพราะเป็นตลาดที่มีคนใช้เยอะ ก็ไม่น่าผิดหวังสำหรับยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยราคาที่ไม่สูงนัก สำหรับตัวซากาจะจับกลุ่มตลาดรถนั่งระดับซับคอมแพ็ค มีตัวแชฟวี่ เป็นรถขนาดเล็กสุด ราคาตอนนั้นถูกตั้งไว้ระดับ 3-5 แสนบาท เป็นราคาอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกอีโคคาร์ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.2 -1.4 ลิตร
ราคาตัวที่ถูกที่สุดเป็นเกียร์ธรรมดา ตั้งไว้ 399,000 บาท เป็นราคาเดียวกับฮอนดา บริโอ ขณะที่รุ่นสูงสุดในตัวเกียร์ออโตขายที่ 464,000 บาท จึงต่ำกว่าคู่แข่งทำให้สามารถเบียดแทรกเข้าอยู่ในกลุ่มรถอีโคคาร์ได้อย่างสบายเสียดายที่ไม่ได้ทำตลาดต่อ
ชื่อโปรตอน ซากานั้นคุ้นหูคนไทยมานาน เมื่อครั้งที่โปรตอนทำรถออกมาขายใหม่ๆ มีการซื้อเทคโนโลยีจากค่ายมิตซูบิชิ ทำให้ซากามีหน้าตาคล้ายๆกับแลนด์เซอร์แชมป์ที่มีขายอยู่ในตอนนั้น
สอง
รูปโฉมของซากาออกแบบดูพื้นๆไม่โฉบเฉี่ยวเหมือนนีโอ แต่ก็เป็นหน้าตาที่สามารถอยู่ในตลาดได้นานเหมือนซาการุ่นแรก ชุดไฟหน้าคล้ายๆ กับโฟล์คกอล์ฟ มีไฟตัดหมอกกับไฟเลี้ยวตรงกระจกมองข้างติดมาให้ตามสมัยนิยม
มองส่วนท้ายคล้ายๆวีออสรุ่นแรก ไฟท้ายจะใช้หลอด LED ตรงด้านล่างกันชนจะมีไฟตัดหมอกด้านท้ายติดมาให้ด้วย เป็นการออกแบบให้เหมาะกับตลาดมาเลเซียที่มีหมอกค่อนข้างเยอะกว่าเมืองไทย ภาพรวมการออกแบบก็น่าจะเป็นรูปโฉมที่มองได้นานโดยไม่เบื่อ
ฐานล้อของรถรุ่นนี้ยาว 1446 มม. ดูน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับรถคอมแพ็ค แต่ก็เหนือกว่ารถอีโคคาร์ มีเสียเปรียบก็ตรงความกว้างของช่วงล้อหน้าและหลังน้อยกว่า รวมถึงวงเลี้ยวที่กว้างกว่า
ห้องโดยสารก็ดูกว้างขวางดีจากการออกแบบเบาะนั่งให้กว้าง เมื่อนั่งจะไม่รู่สึกอึดอัด รวมทั้งการออกแบบแผงคอนโซลทรงโค้งลาดลงด้านหน้า ช่วยให้ทัศนะวิสัยในการมองเห็นทำได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกระจกหน้าบานกว้างมีหลังคาสูงจึงเห็นได้ทั่วถึง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นเหมือนกับพวกพี่ๆ เป็นพวงมาลัย 3 ก้าน ทรงเชยหน่อย ๆ ช่องแอร์กลม ส่วนมาตรวัดจะมีวัดรอบกับความเร็วที่เป็นเข็ม นอกนั้นจะเป็นดิจิตอลทั้งหมด รวมถึงวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
ห้องเก็บของช่วงท้ายจุถึง 413 ลิตร สามารถใส่กระเป๋าเดินทางได้หลายใบ ตำแหน่งท่านั่งของเบาะจะอยู่สูงหน่อยโดยมีข้อติอยู่บ้างก็ตรงแป้นเบรกกับคันเร่งอยู่ในตำแหน่งสูงเกินไป ต้องเปิดฝ่าเท้าเยอะทำให้ปวดข้อพับเวลาขับนานๆ และทำให้เหยียบแป้นเบรกได้ไม่เต็มที่
ถึงจะเป็นรองแต่ราคาไม่แพงมีอุปกรณ์เตือนเวลาถอยจอดมาให้ ด้วยเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่ท้ายรถจะจับสิ่งกีดขวางทั้งในแนวตั้งและแนวนอน เพิ่มความปลอดภัยด้วยเสียงสัญญาณที่ดังถี่-ห่างต่างกัน ตามระยะที่มีวัตถุขวางอยู่
สิ่งที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดก็น่าจะอยู่ตรงเครื่องยนต์ที่ให้อัตราเร่งแบบทันอกทันใจ เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาจากเครื่องยนต์ Compro ด้วยการเพิ่มท่อไอดีแปรผันเข้าไปที่เรียกว่าระบบ IAFM หรือ Intake Air Fuel Module
ระบบนี้จะช่วยลดปัญหาเรื่องแรงบิดต่ำ และไม่สม่ำเสมอในเครื่องยนต์ตัวเก่าทำ ให้มีแรงบิดสูงขึ้นและได้ความสม่ำเสมอในช่วงการทำงาน ด้วยการปรับความยาวของท่อไอดีจากลิ้นปรับเปลี่ยนที่ติดตั้งอยู่ภายในท่อไอดี
การทำงานในช่วงรอบต่ำจะทำให้อากาศเดินเต็มที่ จึงมีอากาศสะสมอยู่ในท่อมากขึ้นโดยไหลช้าลงช่วยงให้การผสมอากาศกับน้ำมันทำได้เต็มที่ พอรอบเครื่องยนต์สูงก็จะปิดทางเดินส่วนหนึ่งเป็นการเปิดแบบบายพาสสทำให้อากาศเดินทางเข้าสู่เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น และมีปริมาณมากตามความต้องการแต่ละรอบเครื่องยนต์
กำลังสูงสุดจะได้ถึง 95 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที จากเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 1332 ซีซี และให้แรงบิดสูงถึง 120 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที เป็นกำลังที่สูงกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน
ระบบส่งกำลังจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด รอบเครื่องยนต์ที่ใช้อาจจะสูงหน่อย กับความเร็ว 100 กม./ชม. ที่ 3000 รอบต่อนาที ก็ได้อัตราเร่งแบบทันอกทันใจจนมากด้วยซ้ำไป ในบางขณะหากสามารถลดรอบบเครื่องยนต์ได้สัก 2 -3000 รอบต่อนาทีช่วยให้ความนุ่มนวลของอัตราเร่งและความประหยัดดีขึ้นกว่านี้
อีกจุดหนึ่งที่ถือเป็นความโดดเด่นของโปรตอนก็คือช่วงล่าง จากออกแบบของค่ายรถสปอร์ตอย่างโลตัสประเทศอังกฤษที่ทางโปรตอนเป็นเจ้าของ จึงทำให้รถตัวถังสูงๆ แบบนี้สามารถใช้ความเร็วในโค้งได้แบบไม่น่ากลัว
ระบบกันสะเทือนที่ถูกติดตั้งจะเป็นแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะเป็นทอร์ชั่นบีม เพื่อเพิ่มความกว้างให้กับพื้นที่เก็บของด้านหลังเป็นระบบที่ใช้ในรถทั่วๆ ไป
การออกแบบโครงสร้างจะสร้างความปลอดภัยตามมาตรฐานของประเทศออสเตรเลียและตะวันออกกลาง สามารถดูดซับและลดแรงกระแทกจากทุกทิศทาง