ซูซูกิ สวิฟท์ 1.5 เป็นรถเก๋งคันแรกของบริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิลแมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย)จำกัด สำหรับการทำตลาดในเมืองไทย แทนสยามอินเตอร์เนชั่นแนล ที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียแทนที่จะต้องนำเข้าจากญี่ปุ่นซึ่งมีค่าตัวจึงทะลุหลักล้าน เมื่อบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดเองจึงมีช่องทางที่ดีกว่า อาศัยช่องทางเรื่องภาษีจากเขตการค้าเสรีจึงสามารถนำเข้ามาขายในราคาต่ำได้ สามารถตั้งค่าตัวไว้ที่ 5.99 แสนบาทในรุ่น GA และ 6.49 แสนบาทได้ในรุ่น GL ทั้งสองรุ่นจะใช้เกียร์อัตโนมัติเหมือนกัน
ตัวซูซูกิ สวิฟท์ นั้นเป็นรถเก๋งแบบแฮชแบค 5 ประตูเมื่อเปิดตัวในเมืองไทยก็ได้รับแรงตอบรับเข้ามาจากรูปโฉมที่เป็นรถสไตล์ยุโรป หลายคนบอกว่าเหมือนมินิ ที่ได้ความคล่องตัวแบบรถเมืองเป็นผลมาจากการออกแบบตัวรถให้มีช่วงล้อที่กว้างแล้วหดฐานล้อให้สั้นซึ่งก็ทำให้โอเวอร์แฮงค์ทั้งหน้าและหลังมีน้อย เวลาเลี้ยวจะทำได้ง่ายไม่ต้องกลัวไปเบียดกับเสาหรือฟุตบาธ
ก่อนจะสร้างสวิฟท์รุ่นนี้ออกมา ทางซูซูกิได้ส่งทีมงานไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในยุโรปถึง 11 เดือน เพื่อมองหาจุดเด่นของรถระบบซับคอมแพ็คเพื่อนำมาหลอมรวมกันกลายเป็นสวิฟท์ จึงได้รูปแบบของตัวรถในสไตล์ Cubical Design ที่มีกระจกกว้างรอบคัน เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ และมีความปราดเปรียวคล่องตัว โดยซุ้มล้อรถออกแบบมาเป็นพิเศษเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมและได้ไฟท้ายที่โค้งมนรับกับด้านข้างของตัวรถทำให้ดูสปอร์ตโดดเด่นมีเอกลักษณ์
เครื่องยนต์ของสวิฟท์นั้นออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่เน้นความประหยัดจึงออกแบบให้ลูกสูบกับช่วงชักเท่ากันและให้มีกำลังอัดแค่ 9.5:1 กับเครื่องยนต์แบบแถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว มีวาล์วแปรผันมาให้แต่ควบคุมด้วยโซลินอยด์เพื่อปรับองศาอาจจะไม่ทันสมัยเหมือนกับการใช้น้ำมันเป็นตัวดันหรือการใช้ไฟฟ้า การขับเคลื่อนแคมชาร์ฟจะใช้โซ่จึงทนทานหน่อยแล้วใช้การปรับโซ่ให้ตึงแบบอัตโนมัติ อ่างน้ำมันเครื่องเป็นอลูมิเนียมช่วยเก็บเสียงได้ดีกว่าเหล็กพละกำลังมีมาให้ 100 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 133 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที อาจจะน้อยกว่าคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดสนองตอบได้อย่างนุ่มนวลในยามเปลี่ยนเกียร์อัตราบริโภคมากกว่ารุ่น1.2พอสมควร
การขับขี่แบบเปลี่ยนช่องทางกะทันหันไม่มีปัญหากับรถฐานล้อสั้นๆแบบนี้การขับซ้ายที ขวาทีก็สามารถทำได้อย่างสบาย บวกด้วยการออกแบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตาร์ทด้านหน้ากับทอร์ชั่นบีมด้านหลังช่วยให้รถเอียงตัวไม่มากเป็นรถที่มีระบบเบรกไว้ใจได้จากระยะเบรกที่สั้น ด้วยการใช้ดิสก์เบรคหน้าขนาด 14 นิ้วส่วนดรัมเบรกหลังขนาด 200 มม. และมีหม้อลมเบรกขนาด 9 นิ้ว จากช่วงทดสอบเบรก ก็มาถึงการเข้าโค้งความเร็วสูงระดับ 100 กม./ชม. ไม่มีปัญหาสำหรับสวิฟท์คันนี้ อัตราเร่งมาแบบเรื่อยๆทำได้เกิน 160 กม./ชม.
อุปกรณ์ที่มีมาให้นั้นมาแบบครบครันไม่ว่าจะเป็นระบบกุญแจแบบ Keyless Start สามารถเปิด-ปิดประตูรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจและสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ด้วยการบิดสวิตช์สตาร์ท พวงมาลัยเป็นแบบปรับระดับได้ให้เหมาะกับสรีระของผู้ขับขี่ ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลเสริมด้วยระบบฟอกอากาศ เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 และได้เครื่องเสียงที่เล่น CD กับ MP3 ได้
หลังเบาะจะมีที่เก็บของไม่กว้างมากจากฐานล้อที่สั้นจึงเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากกว่าการเดินทางไกลที่ต้องขนสัมภาระด้วย ซึ่งสวิฟท์คันนี้จะได้ความโดดเด่นในเรื่องความคล่องตัวที่วงเลี้ยวแคบเพียง 407 เมตรเท่านั้นเอง