อี-คลาสรุ่นนี้มีชื่อเต็มๆว่า E 250 CGI Blue EFICIENCY Avantgarde Cabriolet เราเรียกกันง่ายๆว่าเป็นรุ่นเปิดประทุนกันดีกว่าเพราะคนไทยจะคุ้นเคยกับรถที่เปิดหลังคาได้ว่ารถเปิดประทุน โดยแต่ละค่ายจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป พื้นฐานของอี-คลาสเปิดประทุนรุ่นนี้จะเหมือนกับรุ่นคูเป้ แต่ระหว่างสองรุ่นนี้จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือหลังคา ถ้าเป็นหลังคาแข็งคงจะมองเห็นความแตกต่างกันยาก แต่นี้ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์เลือกใช้หลังคาผ้าใบแทนที่จะเป็นหลังคาโลหะทำให้เห็นหลังคาสีดำเด่นชัดเจนมาแต่ไกล
สิ่งที่กังวลก็คือความทนทานของผ้าใบไม่ต้องเป็นห่วงมีการป้องกันความร้อนและการเก็บเสียง หลังคาผ้าของอี-คลาส คาบริโอเลตจะเป็นหลังคาทึบแสงที่ผลิตมาจากวัสดุพิเศษหลายชั้น มีความหนาถึง 23.5 มม.ชั้นในของหลังคาจะบุด้วยฉนวนกันความร้อน สามารถซับเสียงรบกวนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ชั้นนอกสุดเคลือบด้วยสารพิเศษป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่าน ที่จะดีกว่าแบบหลังคาแข็งคือไม่มีรอยต่อทำให้ระยะยาวยังป้องกันน้ำฝนไหลเข้ามาได้ดีกว่าจึงหมดกังวลกับการเดินทางแม้ขณะฝนตก
ถึงจะเป็นหลังคาผ้าแต่ก็สามารถทำความสะอาดได้กับเครื่องล้างรถอัตโนมัติ หลังคาผ้าจะมีให้เลือกหลายสี แต่สีดำจะรักษาได้ง่ายที่สุดเมื่อเจอสิ่งสกปรก ข้อดีของหลังคาผ้าคือใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยกว่าหลังคาโลหะจึงไม่ยุ่งยากในการจัดเก็บช่วยให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตอนหลังคาเปิดหรือปิดก็ตาม
ปกติอี-คลาสจะมีกล่องเล็กๆคุ้นตา อยู่ใกล้ๆกับคอนโทรลเลอร์สำหรับทำหน้าที่เป็นปุ่มกดโทรศัพท์ มีฝาครอบปิดมิดชิด พอมาเป็นรุ่นเปิดประทุนตำแหน่งนี้กลายเป็นสวิตซ์ควบคุมการเปิด-ปิดหลังคาแทน ก็ยังอยู่ใกล้มือใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วจากแขนที่วางตรงพนักวางแขนกลางคอนโซล การใช้งานนอกจากจะเปิดด้วยสวิตซ์แล้วยังสามารถสั่งผ่านรีโมทคอนโทรลได้อีกทางหนึ่ง เพียง20 วินาที กลไกไฮดรอลิคที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าจะเปิด-ปิดหลังคาได้เรียบร้อย ซึ่งการเปิด-ปิดหลังคาสามารถทำได้ในขณะรถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. หากเร็วกว่านั้นกระแสลมอาจจะสร้างความเสียหายได้
อีคลาสรุ่นนี้จะเป็นรถเปิดประทุน มี 4 ที่นั่งเหมือนกับรุ่นคูเป้โดยมีการทำงานของเบาะนั่งที่เลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยไฟฟ้า เพียงแค่ผลักเบาๆระบบ EASY-ENTRY พร้อมที่จะช่วยให้ผู้โดยสารด้านหลังเข้าออกได้สะดวก
รูปแบบของเบาะก็เหมือนกับเป็นเบาะนั่งที่หลุดมาจากรถต้นแบบในอนาคต หลังเบาะจะเป็นพลาสติกโอบเบาะสำหรับความแข็งแรง ทำให้เบาะนั่งโอบกระชับลำตัว สามารถปรับดันหลังหรือดันข้างได้ด้วยปุ่มข้างๆเบาะ
สิ่งที่ต่างออกไปจากตัวคูเป้คือหลังจากเปิดหลังคาแล้วกระแสลมอาจจะสร้างเสียงดังของลมหมุนวน ตรงสวิตซ์ควบคุมจะปรับแผงกันลมที่อยู่ระหว่างพนักพิงศีรษะของเบาะนั่งด้านหลังช่วยให้เสียงของลมสงบขึ้น ขณะเดียวกันแผงบังคับทิศทางลม AIRCAP บนขอบกระจกหน้าจะช่วยหันเหกระแสลมให้ลอยข้ามห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้ความเงียบเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าหลังคาจะถูกเปิดหรือปิดความเงียบในห้องโดยสารก็ยังคงอยู่ เพราะอีคลาสรุ่นนี้จะเป็นรถเปิดประทุน 4 ที่นั่งที่เงียบสุดเมื่อเปรียบเทียบกับรถขนาดเดียวกัน ทำให้การใช้โทรศัพท์ผ่านแฮนด์ฟรียังคงได้ยินเสียงต่อเนื่องแม้ว่าจะใช้ความเร็วสูงอยู่ก็ตาม
เส้นสายของรถจะถูกออกแบบให้มีความเป็นสปอร์ตที่ทรงพลังปราดเปรียวใช้โคมไฟหน้า 4 ดวง พร้อมไฟ LED สำหรับการขับขี่กลางวัน เป็นรถที่ไม่มีเสากลางมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.28 ที่ช่วยให้ห้องโดยสารเงียบ ประหยัดน้ำมัน และทรงตัวได้ดี
ตอนขับเคลื่อนแผงบานเกร็ดที่อยู่หลังกระจังหน้าจะเปิดรับอากาศระบายความร้อนให้เครื่องยนต์เท่าที่จำเป็น เพื่อลดการสูญเสียแรงกดอากาศด้านหน้าและช่วยลดอากาศหมุนวนใต้ท้องรถ สันนูนบนฝากระโปรงท้ายจะทำหน้าที่เป็นสปอยเลอร์ในตัว
สามารถลดแรงเสียดทานด้วยการออกแบบรูปทรงหลังคา กระจกมองข้าง ล้อและไฟท้ายโดยมีแผ่นปิดใต้ท้องรถและตำแหน่งของล้ออะไหล่ ตลอดจนชายล่างของกันชนหลังที่ออกแบบมาเป็นครีบจะช่วยให้อากาศไหลผ่านใต้ท้องรถได้สะดวก
เรื่องของพละกำลังนั้นเหมาะสมกับความเป็นรถสไตล์นี้ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ ที่ใช้การฉีดน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรงกับระบบ CGI ( Charged Gasoline Injection ) บวกกับการเพิ่มกำลังอัดให้เครื่องยนต์ช่วยให้การเผาไหม้ทำได้อย่างอย่างสมบูรณ์ จากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 16 วาล์ว 1.8 ลิตร ติดเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์จะให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาทีมีแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังด้วยเกียร์เดินหน้า 5 สปีด ให้การตอบสนองที่ต่อเนื่องไม่มีอาการรอรอบและไม่ทิ้งจังหวะเมื่อคันเร่งถูกกดลงไปทำให้ขับสนุก รอบเครื่องยนต์ต่ำให้อัตราเร่ง 0-100 กม. ในเวลา 7.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 240 กม./ชม.