ในงานมอเตอร์โชว์ปี 56 มีการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ไฮ-ไรเดอร์ 4×2 Wildtrak เกียร์ธรรมดา 6-สปีด ออกมาการปรับเปลี่ยนรูปโฉมนำตัวถังรถที่ใหญ่ขึ้นมาใช้ โดนใจลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างมาก ทำให้ยอดขายของฟอร์ดเรนเจอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นตัวแต่ง Wildtrak ที่แต่งสำเร็จรูปมาจากโรงงานก็ได้ใจคนแต่งรถไปเต็มๆ ทำให้รถบางรุ่นขาดตลาด อย่างรุ่นขับสองยกสูงเกียร์ออโตก็ไม่พอขาย ล่าสุดทางฟอร์ดจึงนำรุ่นเกียร์ธรรมดามาเพิ่มเป็นทางเลือกให้ลูกค้าที่ชื่นชอบความทนทาน ดูแลรักษาง่ายออกมาขาย
รูปโฉมของฟอร์ด ถูกออกแบบมาให้ดูแข็งแกร่งแบบรถกระบะอเมริกัน เป็นตัวถังที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดชนิดไม่ให้เหลือร่องรอย เวลาเดินเข้าไปใกล้ๆ จึงรู้สึกถึงความใหญ่โตของรถกระบะที่ไม่เคยเจอมาก่อน สำหรับรถที่ผลิตในประเทศ ยิ่งเป็นตัวแต่ง Wildtrak ในตัวขับสองยกสูง ตัวถังปกติขอบกระบะก็สูงถึงคอแล้ว แต่พอมาเจอชุดยกขอบกระบะสูงขึ้นก็ยิ่งทำให้ดูสูงไปอีก
สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ ไฮ-ไรแดอร์ รุ่น Wildtrak 2 ประตูขับสองยกสูง เกียร์ธรรมดา 6-สปีด หลังจากที่ได้เคยลองมาแล้วในเกียร์ออโต รถรุ่นนี้มีการปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนของกันชนหน้าที่มีการคาดด้วยสีดำ แทนที่จะเป็นสีเดียวกับตัวรถเหมือนแต่ก่อนทำให้รถดูมีมิติมากขึ้นไฟท้ายรมดำดูเข้มขึ้น ส่วนภายในโดนเต็มๆกับเบาะหนังหนาคาดกลางด้วยสีส้มและเดินด้ายสีส้มแบบรถสปอร์ต เวลาเดินขึ้นไปนั่งรู้สึกกระชับพอดีแบบเบาะรถแข่ง เมื่อวางท่านั่งได้ถูกต้องแล้ว ลองโยกเกียร์ดูเหมือนอารมณ์ของการขับรถแข่งที่แฝงมาในรถกระบะใช้งานทั่วๆ ไป
การใช้ตัวถังใหญ่ แน่นอนก็ต้องมีการปรับในเรื่องของฐานล้อให้ยาวขึ้น กว้างขึ้น รวมถึงความยาวของกึ่งกลางตัวถัง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเท่ากัน ทำให้เป็นรถที่ทรงตัวได้ดีทั้งทางเรียบและถนนฝุ่นแม้จะเป็นตัวยกสูงก็ตาม บนถนนที่กำลังก่อสร้างยังเป็นทางฝุ่นอยู่ ลองลากยาวๆตัวรถก็ไม่มีอาการแข็งขืน สามารถทำความเร็วได้โดยรถยังทรงตัวได้นิ่งอยู่
ฟอร์ด ให้ความสำคัญกับเฟรมที่เหมือนกับกระดูกสันหลังของรถกระบะ จึงสามารถรองรับการกระแทกจากการชนได้ตามมาตรฐาน มีความแข็งแรงรองรับการบิดตัวและการงอโค้งได้ดีกว่าเดิมถึง 2 เท่า เป็นรถที่รวบรวมเอาวิศวกรจากหลายๆทวีปมาพัฒนาระบบช่วงล่าง ทำให้เรนเจอร์เป็นรถที่ยึดเกาะถนได้ดีแบบรถเอสยูวี และมีพวงมาลัยที่ควบคุมได้อย่างแม่นยำ
สิ่งที่รถเก๋งมีแล้วในรถกระบะคันนี้มีคือระบบสั่งงานด้วยเสียง เวลาใช้ง่าย ๆ ด้วยการกดปุ่มที่มีหน้าตาคล้ายคนกำลังส่งเสียงอยู่บนพวงมาลัยด้านซ้าย กดปุ่มเสร็จก็พูดสั่งงานเป็นภาษาอังกฤษ ตัวรับสัญญาณที่อยู่บนเพดาน ก็จะส่งสัญญาณไปยังตัวควบคุมพร้อมกับทวนคำพูดที่เราเลือก หากเลือกสถานีวิทยุก็บอกได้เลยว่าเป็นคลื่นอะไร จะฟังเพลงจากซีดีก็เลือกศิลปินหรือชื่อเพลงก็ได้ โดยเราไม่ต้องกดหาจากปุ่มควบคุมเครื่องเสียงให้เสียเวลา ยิ่งเป็นตอนที่ต้องใช้สมาธิในการขับรถระบบจะช่วยได้มาก
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศร้อนมาก แต่เวลาอยู่ภายในรถนั้นแทบจะต้องหาซื้อเสื้อกันหนาวมาใส่ แอร์หนาวมาก อากาศร้อนตอนเที่ยงเจอปุ่มเลือกอุณหภูมิที่เปิดไปแค่ครึ่งเดียว พัดลมเปิดเบอร์ 2 ก็แทบจะไม่รับรู้ถึงความร้อนจากภายนอกมาให้สัมผัสแล้ว เวลาขับรถตอนกลางคืนจึงต้องเบาแอร์สุด เปิดพัดลมเบอร์ 1 ก็เอาอยู่
ความได้เปรียบของรถตัวถังใหญ่ก็คือภายในห้องโดยสารใหญ่ตามไปด้วย สำหรับเบาะคู่หน้านั้นรู้สึกเหินห่างกันอยู่แล้ว ส่วนเบาะแค็บลองนั่งกัน 3 คนก็ไม่รู้สึกอึดอัด ใกล้เคียงกับความกว้างของเบาะหลังในรถกระบะ 4 ประตูสมัยก่อนด้วยซ้ำไป พื้นที่วางขาก็กว้างเพียงพอสำหรับการนั่งแบบสบายๆ เพียงแต่องศาด้านหลังมันชันกว่าเท่านั้นเอง
การเก็บเสียงภายในรถก็เป็นอีกจุดเด่นของฟอร์ด เรนเจอร์ เวลารถวิ่งจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์แค่เล็กน้อย ส่วนเสียงลมจะได้ยินเบากว่ารถกระบะทั่วๆ ไป ทำได้ดีกว่ารถเก๋งหลายรุ่นๆ สามารถพูดคุยกันได้ชัดเจน แม้จะใช้ความเร็วสูงๆ อยู่ก็ตาม
เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเร็คอินเจ็คชั่น คอมมอลเรล เทอร์โบ จะให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6-สปีด รอบเครื่องยนต์ต่ำที่ทำความเร็ว 100 กม./ชม. จะอยู่ที่ 1,800 รอบต่อนาทีคำถามว่าเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร จะลากตัวถังใหญ่ๆ แบบนี้ได้หรือเปล่า เครื่องยนต์จะกินน้ำมันเยอะหรือเปล่า จึงลองขับแบบเส้นทางยาวๆ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเครื่องยนต์ตัวเล็กๆ แบบนี้เอาอยู่เรื่องอัตราเร่งหายห่วง มีมาให้ใช้งานตลอด หากทำตัวเป็นขาซิ่งก็สามารถลากรอบเครื่องยนต์ได้ เมื่อเกิน 2,000 รอบ/นาที ไปแล้วเครื่องยนต์จะมาแบบสะใจมาก หากอยากขับแบบประหยัดก็จะมีไฟเตือนให้เปลี่ยนเกียร์แถวๆ 1,800 รอบ/นาที
เวลาเปลี่ยนเกียร์จะฝืดๆ หน่อยต้องยัดเข้าแบบรถแข่ง อาการที่เห็นคือรถจะกระชากในแต่ละช่วงการเปลี่ยนเกียร์ พร้อมกับความเร็วไต่ขึ้นปอย่างรวดเร็ว ความเร็วระดับ 160 กม./ชม. ใช้เวลาไม่นานก็ทำได้แล้ว ให้อารมณ์ดิบๆ กว่ารถเกียร์ออโตเยอะ ช่วงแซงหากขี้เกียจจะเปลี่ยนเกียร์ลองไล่ความเร็วดูจะช้าหน่อย ตอนความเร็วต่ำ ดีขึ้นเมื่อผ่าน 80 กม./ชม. ไปแล้ว ไหลลื่นเมื่อเห็นตัวเลข 100 กม./ชม. เวลาขับด้วยเกียร์ 6 จึงไม่ต้องลดเกียร์ช่วยหากไม่รีบ การไต่ทางชันระบบส่งกำลังขับเครื่องยนต์ไม่มีปัญหา เนินที่เคยไต่ด้วยเกียร์ 6 ไม่ได้ในรถบางรุ่นนั้น ไม่มีปัญหาสำหรับเรนเจอร์