ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตขององค์กรในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยเน้นการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ การพัฒนาซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ และการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตระยะยาว แม้จะต้องเผชิญกับภาระต้นทุนในระยะสั้น ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ ปอร์เช่ (Porsche) มียอดรายได้รวมอยู่ที่ 8.86 พันล้านยูโร (ปีที่แล้ว: 9.01 พันล้านยูโร) กำไรจากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 760 ล้านยูโร (ปีที่แล้ว: 1.28 พันล้านยูโร) อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 8.6% (ปีที่แล้ว: 14.2%) อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดสุทธิจากธุรกิจยานยนต์ (Automotive Net Cash Flow) เพิ่มขึ้นเป็น 198 ล้านยูโร (ปีที่แล้ว: 107 ล้านยูโร) ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกได้รับผลกระทบจากความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกระบวนการปรับโครงสร้างและปรับสเกลการดำเนินงานครั้งใหญ่ภายในองค์กร
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) ได้เข้าถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท V4Smart GmbH & Co. KG ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกับ VARTA AG โดยปอร์เช่มีแผนจะพัฒนาและผลิตเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบทรงกระบอกขนาดใหญ่ (Large-Format Lithium-Ion Round Cells) การลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ปอร์เช่มีความมั่นคงด้านการจัดหาชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าในอนาคต นอกจากนี้ Porsche AG ยังถือหุ้นบางส่วนใน VARTA AG ด้วย
ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2025 ปอร์เช่ (Porsche) มียอดส่งมอบรวมทั้งสิ้น 71,470 คัน (ปีที่แล้ว: 77,640 คัน) หนึ่งในไฮไลต์สำคัญ คือ สัดส่วนของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า (Electrified Vehicles) ที่ส่งมอบเพิ่มขึ้นเป็น 39% โดยในจำนวนนั้น คือ 26% เป็นรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Battery Electric Vehicles – BEV) และ 13% เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด สำหรับรุ่นมาคันน์ ไฟฟ้า (All-electric Macan) มีบทบาทสำคัญในกลุ่ม BEV โดยมีการส่งมอบไปแล้ว 14,185 คัน เมื่อรวมยอดส่งมอบมาคันน์ (Macan) ทุกรุ่น เท่ากับ 23,555 คัน เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะเดียวกัน พานาเมร่า (Panamera) เป็นรุ่นที่มียอดเติบโตสูงสุดในบรรดาทั้ง 6 รุ่นของ ปอร์เช่ (Porsche) โดยมียอดส่งมอบ 7,769 คัน เพิ่มขึ้นถึง 27%
ในอเมริกาเหนือ ยอดส่งมอบรถยนต์ของปอร์เช่ (Porsche) เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยการเติบโตนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความล่าช้าในการนำเข้าและส่งมอบรถยนต์บางรุ่นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ในจีน ยอดส่งมอบลดลง 42% โดยปัจจัยหลักมาจากสภาวะตลาดที่ท้าทายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์หรู และการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดจีน ปอร์เช่ (Porsche) ยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ที่เน้นคุณค่าเหนือปริมาณ (Value over Volume) พร้อมโครงสร้างการขายที่กระจายตัวทั่วโลกอย่างสมดุล เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นให้กับองค์กรในระยะยาว