ย้อนระลึกกลับไปในยุคที่ฉันรับเงินเดือน 1,200-12,000 บาท ณ สำนักงานใหญ่ กรังด์ปรีซ์ #1970 GrandPrix Magazine ราคา 15.00 บาทอันทันสมัยขายมากที่สุดในยุคนั้น ( ให้มิตรสหายได้ระลึกว่าฉันฝัง “ชาดก” ที่นั่นนาน น น น กี่ชาติ..HA Ha ha a a )))
Artwork น้องสาวฝ่ายศิลป์ นางหนึ่งของฉันขับ Subaru R2 360 cc 2Cyl-2T เครื่องกระป๊อ 2 จังหวะ ณ ยุคนั้น พร้อมกันกับมิตรสหายอีกคัน มันขับ Toyopet 700 ก้านเกียร์พวงมาลัย Column Gear
R2 คันจิ๋ววิ่งจาก หมู่บ้านเสรี พร้อมกันกับ Pet 700 เกียร์มืออีกคันออกจาก แยกคลองตัน รถทั้งคู่ต่างมุ่งสู่จะหมายเดียวกันนั่นคือ สนง.กรังด์ปรีซ์ @ สถานี MRT เตาปูน ณ ปัจจุบัน ให้มิตรสหายระลึกเอาแล้วกันฮะว่า ไป-กลับ ตลอดเส้นเพชรบุรีตัดใหม่ รึ ถนนลาดพร้าวไป-กลับยาว 80 km ต่อวัน..ที่สำคัญทั้งรถทั้ง 2 คันไม่มีแอร์
ครั้นทั้งคู่บึ่งมาถึง แยกตลาดเตาปูน บางซื่อ สนง. ต่างต้องหันหลังผึ่งพัดลมยุคประหยัดเบอร์ 0 ก่อนจะขึ้นไปเข้าห้องน้ำหญิง-ชายเพื่อชำระใบหน้าอาบเหงื่อ อ อ..นี่คือที่มาของ Woke Classics หวนระลึกถึง Pet 700 ของเพื่อนฉัน
Paburika.. รถครอบครัวสารพัดนึกจาก “แนวคิดรถยนต์แห่งชาติ”
Pet 700 เป็นโตโยต้า Publica (ญี่ปุ่น: トヨタパブ Toyota, Toyota Paburika) คันเล็กที่ผลิตโดยโตโยต้าจากปี 1961-1966 เป็นรถครอบครัวสารพัดนึกจาก “แนวคิดรถยนต์แห่งชาติ” ของรัฐบาลญี่ปุ่น MITI ในช่วงเวลานั้น มันเป็นรถ 2 ประตู All-In-One สารพัดรูปแบบใช้แชสซีส์พื้นฐานเดียวกันเป็นทั้ง เก๋ง กระบะ สเตชั่น, เปิดประทุน (*ก่อนที่ 1969 Toyota Sports 800 รุ่นไข่ทองคำ บนแชสซีส์เดียวกันจะตามมา)
Pet 700..เป็นแนวคิด “รถยนต์แห่งชาติ” ของ MITI
Pet เป็นต้นกำเนิดของ Publica – Paburika ด้วยแนวคิด “รถยนต์แห่งชาติ” ของกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (MITI) ซึ่งมีการประกาศในปี 1955
แนวคิด MITI ที่กำหนดไว้สำหรับยานพาหนะตามข้อกำหนด “รถยนต์แห่งชาติ” เช่นความเร็วสูงสุด 100 -120 km/h น้ำหนักต่ำกว่า 400 kg. กินน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ 30 km/Lt. สบายๆ
แต่ที่ “รถยนต์แห่งชาติ” ของแท้คือต้องรับประกันรถจะไม่พังอย่างน้อยในระยะวิ่ง 100,000 km. ตลอด 5-6 ปี ด้วยราคา Service ซ่อมแซมชิ้นส่วนอะไหล่ต้องถูกสุด (อันนี้สิได้ใจ “รถยนต์แห่งชาติ” HA Ha ha a a )
เมื่อ MITI โจทก์ไว้ดังนี้ หากเทคนิคซับซ้อนเกินไปคงแพงและซ่อมไม่ไหว โตโยต้าจึงกำหนดให้ Pet700 ขับเคลื่อนธรรมดา FR ที่ล้อหลัง ด้วยเครื่องยนต์ 2สูบนอน Boxer Air-Cooled ระบายอากาศ (ซึ่งก๊อปมาจาก !!!!! Citroën 2CV ที่ประสบความสำเร็จของฝรั่งเศส (2CV ขับล้อหน้า – FWD)
ไม่รู้ว่า Toyota Lucky รึ มีเส้นใหญ่ !?!
ยุคนั้นแม้ว่า MITI ของรัฐบาลประกาศว่าจะมีการลดหย่อนภาษีแก่รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์น้อยกว่า 500 cc แต่ที่โตโยต้าวิจัยออกมาว่าเครื่องยนต์ขนาดเล็กไม่ถึง 500 cc ดังกล่าวจะให้แรงม้าไม่เพียงพอบนความเร็วทางหลวง จึงเพิ่มการกำจัดตามแผนเป็น 700 cc ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องยนต์ Boxer บ็อกเซอร์กระบอกสูบอากาศเย็น 697 cc 28 hp ให้มีรหัส U- Engine Code ซึ่งภายหลังไม่รู้ว่าโตโยต้าโชคดี รึ มีเส้นใหญ่ เมื่อภายหลังข้อกำหนดลดภาษี Low Tax –Low Engine 500 cc ไม่มีจริง ง ง ง ..ISHI ishi ราคาของมันจึงต่ำระดับ 500 cc..(ซึ่ง Soishiro Honda ยังคาใจว่า โตโยต้าเส้นใหญ่ หรือโชคดี !?@#$% ) ISHI ishi ! ! ! !
สำหรับ Pet700 2 ประตูรถใหม่ All-In-One สารพัดนึกตัวถังซีดาน 2 ประตู 4-5 ที่นั่งรอง+กระเป๋าสัมภาระจำนวนมากในท้ายรถ พร้อมมีระบบกันสะเทือน A-Arm ปีกนกสองชั้นแบบ Formula-One หรือรถแพงๆที่ล้อหน้า และ แหนบ+ช็อคอับ ครึ่งวงรีทีล้อหลัง กับ Low-Tax 500 cc ที่อภินิหาร ทำให้ Pet700 ขายดีไม่มีเหลือร่างค้างสต๊อค โรงงานโตโยต้า
ชื่อ “Publica” เน้นความเป็น “รถสาธารณะ” สารพัดแบบ
1961 Pet700 ใช้ Code ว่า “UP10” ให้ตัวแทนจำหน่าย “Toyopet” ณ Toyota Publica Store เริ่มขายในเดือนมิถุนายน 1961 ด้วยราคาพื้นฐาน ¥ 389,000= Bht 10,000 บาทในยุคนั้น แถม Service ต้องทนทานขับขี่ให้ได้ 5-10 ปี ที่ 100,000 กิโลเมตร..อิอิอิ)
ด้วยราคาต่ำพื้นฐาน ห้องโดยสาร แมร่ง ง ง ไม่มีให้แม้แต่วิทยุ AM ปุ่มกดเลือกฟังแค่ 4-5 สถานีวิทยุในยุคนั้น แม้ขับในหน้าหนาวอัณฑะเยือกแข็ง ง ง ง อิแค่ท่อไอร้อนเข้า “เครื่องทำความร้อน” หมูๆยังไม่มี (นี่ละโตโยต้า..ที่โอยะจิซัง ‘โซอิชิโร่ ฮอนด้า’ ยังตามกัดตามคิดบัญชีแค้นเส้นใหญ่กับโตโยต้า หุ หุ หุ )
พอขายดีโตโยต้าค่อยพัฒนาเพิ่มเติมซีรี่ส์ UP10 เป็น UP10D ในปี 1962 มีการเพิ่มรุ่น “light van” โดยเป็นแนว Wagon รถสเตชั่นแวก้อน เน้นขนส่งเพื่อการพาณิชย์ในญี่ปุ่น
1 ปีถัดมา ณ โตเกียวมอเตอร์โชว์ 1962 โตโยต้าได้เพิ่มระดับการตกแต่งภายในด้วยเบาะนั่งเอนหลังได้ + Heater -Thermo เครื่องทำความร้อนด้วยท่อไอร้อนดูดจากเครื่องยนต์ + วิทยุAM + การตกแต่งด้วยโครเมียมว็อบแว็ม ม ม
ด้วยการปรากฏตัว Deluxe ของห้องขับยกระดับความต้องการถึง 3,000-4,000 ต่อเดือน ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1964 โมเดลรถกระบะ (รถปิคอัพ) ได้เข้าร่วมกับผู้เล่นตัวจริงและในเดือนกันยายนเครื่องยนต์มีกำลังเพิ่ม จาก 28 ขึ้นเป็น 32 bhp ในขณะที่ยกระดับการตกแต่งห้อง Deluxe สำหรับ Wagon อัพเกรดขี้นเป็น Station Wagon – ประตูหรูหราขึ้นเพื่อครอบครัว
1966 Toyota 800 Publica DeLuxe (UP10D)..อัพราคา
ปี 1966 เครื่องยนต์ใหญ่เป็น 790 cc. มีพลัง 35-36 bhp (รหัส 2U) ยิ่งในรุ่น Topless เปิดประทุนได้รับเครื่องยนต์คาร์บูคู่ม้ากระฉูดถึง 45 bhp
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 1966 ปีนั้นตัวแทนจำหน่ายได้ยกเลิก “Toyopet” ให้ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ “Toyota”และปรับราคา 359,000 เยนในปี 1967 เป็น 1,000 ดอลลาร์ = 20,000 บาท” ด้วยตัวแทนจำหน่าย Publica ถูกเปลี่ยนชื่อในภายหลังว่า “Toyota Store” หลังจาก 1967 “UP10D -800” ใหม่ได้รับความนิยมด้วยเป็นรถเล็กเครื่องยนต์ใหญ่กว่า 360-500-600 cc ที่ราคาไม่แพง
จากปี 1966 UP10D -800cc โตโยต้าได้เปิดตัว Toyota Miniace เป็น Super version อันโด่งดังระดับ Golden Boy #Sports 800 ใน เมษายน 1969 (ซึ่ง Woke Classics วีคเก่าๆ ไดอามาเมาท์ประชัน JDM กันกับ Honda Sport S600-800 ไว้เรียบร้อยแล้ว..อิอิอิ
จากตัวเปิด 1961 Pet700 UP10 – 1966 Toyota 800 UP10D อดีต Publica ก็เดินหน้าสู่ #1969 Toyota Corolla KE10 เก๋งที่ทำสถิตทะลุ Volkswagen ในอีก 10 ปีต่อมา (โดยฉันฉันจะขอข้าม #Toyota Publica SL 1000 กับ #Daihatsu Consort 1000 cc ..อันเป็นที่มาของ Toyota Starlet ไว้งานหลัง ง ง ง..อิอิอิ)
1961-1966 Toyopet 700 – Toyota Publica DeLuxe (UP10)
Body style
- 2-door sedan
- 3-door van/station wagon
- 2-door convertible
- 2-door coupe utility (pickup)
Engine 2 Boxer OHV 697 cc Air-Cooled
Transmission 4 Speed
Speed 130-140 km/h
Dimensions
- Wheelbase 2,130 mm
- Length 3,520 mm
- Width 1,415 mm
- Height 1,203 mm
- Weight 580 kg