ตามติดมาเป็นรุ่นที่สองหลังจากค่ายซูซูกิมีการปล่อยErtiga สมาร์ทไฮบริดรถครอบครัว 7 ที่นั่งมาก่อนหน้านี้ พอมาเป็นXL7 Hybridก็มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น เป็นการเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้มีอัตราเร่งที่ดีขึ้นจากการใช้มอเตอร์มาช่วยซึ่งมีหลักการทำงานที่ง่าย ค่าดูแลรักษาต่ำเหมาะกับชาวบ้นทั่วๆไปที่อยากได้รถ7ที่นั่งมาใช้งาน
Suzuki XL7 Hybridถูกพัฒนาขึ้นให้เป็น รถ 7 ที่นั่ง ที่มีสไตล์และให้อารมณ์การขับขี่ทุกเส้นทางด้วยการออกแบบตัวรถภายนอกตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ไม่ต้านลมซึ่งจะส่งผลดีตอนขับเร็วๆ จากเดิมกระจังหน้ามีเส้นคาดโครเมี่ยม คราวนี้เพิ่มกรอบเป็นโครเมี่ยมด้วย ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ดูดุดันเข้ากับเส้นสายการออกแบบด้านหน้า เสริมด้วยไฟตัดหมอกทรงกลม ที่เป็นของเดิมยังไม่ได้ปรับเปลี่ยน
ด้านหลังยังใช้ชุดไฟเดิมแต่เพิ่มเส้นคาดโครเมี่ยมเพิ่มเข้าไปตรงใต้กระจกบานหลัง
ขุมพลังยังคงเป็น K15B ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว 1,462 ซีซี จะให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมกับการเพิ่มให้อัตราเร่งดีขึ้นด้วยระบบไฮบริดที่ใช้ตัวไดชาร์จทำหน้าที่เป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนด้วย โดยจะให้กำลัง2.4แรงม้าพร้อมแรงบิด50นิวตัน-เมตร
ไดชาร์จจะผลิตกระแสไฟฟ้า210แอมป์ มีการปรับเปลี่ยนสายพานให้ใหญ่ขึ้น ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งก็ส่งผลดีในการออกตัวหรือต้องเร่งแซงจะทันใจกว่าพวกเกียร์ CVT โดยเฉพาะกับรถที่มีตัวถังใหญ่แบบนี้ ซึ่งลำพังเครื่องยนต์เดิมๆก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้วแต่เมื่อมีกำลังเพิ่มขึ้นจากมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยก็ทำให้การออกตัวหรือเร่งแซงทำได้ดีขึ้นแล้วก็มีความประหยัดน้ำมันมากขึ้นแบตเตอรี่ของระบบ Hybridจะเป็นลิเธียม-ไอออน12โวลต์ 10Ah มีความจุมากกว่าที่อยู่ในเออติกาที่มีขนาด 12 โวลท์ 6 Ah
ในการใช้งานต้องใช้เทคนิคหน่อยเพื่อให้ระบบไฮบริดทำงานด้วยการรักษารอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในช่วง1,000-3,900รอบต่อนาที หากยกคันเร่งสุดรอบจะไม่ถึงระบบไฮบริดจะไม่ทำงาน จากที่ลองดูอัตราเร่งจะทำได้ดีกว่าเครื่องยนต์เพียวๆ
รถตัวถังใหญ่มีผู้โดยสารมากเรื่องความปลอดภัยก็ต้องใส่ใจมากขึ้นทางซูซูกิจึงเลือกแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิมาใช้ ช่วยเพิ่มทั้งสมรรถนะและความปลอดภัย ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถัง TECT ออกแบบจากเหล็กกล้าทำให้ทนทานต่อการสึกหรอจากการใช้งาน
ในสภาพถนนปกติ XL 7 นั้นทำได้อยู่แล้วกับช่วงล่างที่ถูกเซ็ตออกมาค่อนข้างลงตัวไม่กระด้างแต่ไห้การเกาะถนนที่ดีของระบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้าและทอชั่นบีมด้านหลัง การเข้าโค้งก็ไม่เกิดอาการโยนตัวจึงทำให้ได้ความมั่นใจแบบรถที่มีใต้ท้องสูงปกติผสานกับแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูซูกิ ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว
ดีไซน์บริเวณคอนโซลด้านหน้าในสไตล์สปอร์ต ตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับการใช้งานอย่างครบครัน ส่วนพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าก็สามารถที่จะปรับขึ้นลงได้ 40 มิลลิเมตรส่วนแผงหน้าปัดใหม่ก็จะมีจอสีขนาด 4.2 นิ้วแบบTFT และ LCD มาให้ซึ่งจะได้ความคมชัดตอบสนองต่อการแสดงผลและประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นสามารถปรับการแสดงข้อมูลได้หลายแบบ
เบาะคู่หน้าจะเล่นลวดลายตรงกลางที่มีความหรูหราอยู่แล้ว มีความกว้างพอดีที่จะนั่งได้แบบสบายๆพร้อมที่วางแขนตรงกลางเบาะ เป็นกล่องใส่ของเล็กๆน้อยได้
เบาะแถวหลังสุดถูกออกแบบมาสำหรับ 2 คน เมื่อไม่ได้ใช้งานก็สามารถพับพนักพิงเอนมาทางด้านหน้าหากต้องการพื้นที่เก็บสัมภาระภาระเพิ่มขึ้น
ส่วนจอกลางจะมีขนาด 10.1 นิ้วซึ่งมีความละเอียด 1024 x 600 พิกเซลมีวิทยุ AM FM สามารถเล่นวีดีโอไฟล์ทั้ง MP4 mkv มีการเชื่อมต่อบลูทูธ HDMI USB ซึ่งรองรับ iOS และ Android ได้พร้อมช่องเสียบ USB USB Card โดยให้เสียงรอบทิศทางมีปุ่มควบคุมตรงพวงมาลัยพร้อมที่ชาร์จโทรศัพท์ไว้สายอยู่ตรงหน้าคันเกียร์มาให้ด้วย
ส่วนผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 ไม่ต้องกังวลเรื่องของความร้อนเพราะว่าในรถรุ่นนี้จะมีตู้แอร์ติดแยกอยู่บนเพดานเพื่อกระจายความเย็นให้กับแถว 2 และแถว 3 ได้มีความเย็นสบายไม่นั่งทนร้อนอบอ้าวซึ่งเหมาะสำหรับเมืองร้อนในบ้านเราได้เป็นอย่างดี