คงจะมีรถยนต์ไม่กี่ค่ายที่สร้างชื่อมาจากสนามแข่งแรลลี่โลกและมีไม่กี่รุ่นที่ยังยืนอยู่ได้ชัยชนะในการแข่งขันยังคงหอมหวนอยู่เช่นเดิมและก็ทำให้ค่ายซูบารุยังคงพัฒนารถยนต์ในค่ายเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันอยู่เสมอแล้วนำเทคโนโลยีที่ได้จากสนามแข่งเหล่านี้นำมาใช้กับรถตลาดทั่ว ๆ ไปก็ทำให้รถแต่ละรุ่นของค่ายนี้เป็นรถที่ควบคุมได้อย่างง่ายดายเหมือนกับได้สัมผัสกับวิญญาณของรถแรลลี่อยู่เสมอ
การออกแบบของซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ก็เพื่อตอบสนองต่อความหลากหลายในการใช้งานทุกรูปแบบภายใต้แนวคิด “The Best Of Both World” โดยรวบรวมเอาคุณลักษณะที่โดดเด่นของรถแต่ละประเภทเอาไว้ในรถคันเดียวทั้งสมรรถนะของการขับขี่และการควบคุมแบบรถสปอร์ต มีเนื้อที่ภายในและประโยชน์ใช้สอยแบบรถแวน และมีทัศนะวิสัยในการขับขี่มีความสามารถในการลุยแบบรถออฟโรดเพื่อความเป็นรถ SUV อย่างแท้จริง
สำหรับรุ่นนี้จะเป็นโฉมของปี 2006 มีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ทั้งการเปลี่ยนแปลงในส่วนของไฟหน้า กระจังหน้าให้มีความโฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม ออกแบบกันชนให้รับกับกระจังหน้าเพื่อให้มีความเป็นรถ SUV มากกว่าเดิมโดยมีทางเลือกทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร กับ 2.5 ลิตร เทอร์โบ ซึ่งถ้าเลือกมาใช้งานกันจริง ๆ แล้วคงจะไม่เหนือไปกว่ารุ่น 2.5 เทอร์โบแน่นอน
กับตำนานของการขับเคลื่อนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบเครื่องยนต์ BOXER สูบนอน (Horizontally-Opposed Engines) ที่ให้การตอบสนองได้ดีในทุกความเร็วรอบให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วยลูกสูบอลูมินัมอัลลอย เคลื่อนที่ในแนวนอนช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำจึงง่ายต่อการบังคับควบคุมมีน้ำหนักเบาและแข็งแรงของเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำเพิ่มความแรงด้วยชุดเทอร์โบ วางอินเตอร์คูลเลอร์ไว้ด้านบนของเครื่องยนต์โดยการเจาะช่องสคูปดันลมยาว ๆ บนฝากระโปรงอันเป็นเอกลักษณ์ของความแรงจากค่ายซูบารุ ทำให้เครื่องยนต์ขนาด 2457 ซีซี สามารถรีดกำลังออกมาได้ถึง 210 แรงม้า ที่ 5600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่3600 รอบ/นาที ใช้การส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด อัตราเร่งของเครื่องยนต์มาอย่างรวดเร็วในสไตล์หลังติดเบาะ และก็ไม่ได้ติดระบบตัดความเร็วเอาไว้ทำให้ความเร็วทะยานขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึง 214 กม./ชม. เป็นความสะใจในอัตราเร่งที่เหนือกว่ารุ่น 2.0 เทอร์โบและยังบริโภคเชื้อเพลิงต่ำกว่าด้วย
เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ฟอร์เรสเตอร์ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel Drive ที่ออกแบบให้มีสัดส่วนของแนวการส่งกำลังมีความสมดุลกันทั้งด้านขวาและด้านซ้ายของเพลาขับเพื่อประสิทธิภาพในการทรงตัวและเกาะถนน เป็นการทำงานผสานกันระหว่างเกียร์อัตโนมัติที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์กับระบบกระจายแรงบิดช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนการถ่ายทอดกำลังตามสภาพถนนและการขับขี่โดยอัตโนมัติ ระบบกันสะเทือนแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ทั้ง 4 ล้อ พัฒนาให้มีความแข็งแกร่งมั่นคงตอบสนองต่อการบังคับควบคุมได้เป็นอย่างดี พร้อมระบบปรับความสูงของตัวรถอัตโนมัติซึ่งจะช่วยให้รับมือกับน้ำหนักการบรรทุกผู้โดยสารทั้ง 5 คนกับสัมภาระโดยไม่มีอาการหน้าเชิดเพื่อความมั่นใจในการขับขี่
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสารทุกคน ความสูงของห้องโดยสารจึงอยู่ในระดับพอเหมาะ ช่วยให้ขึ้นลงได้อย่างสะดวก
เบาะนั่งถูกปรับปรุงให้รองรับกับสรีระผู้โดยสารกับเบาะนั่งที่มีปีกรองรับด้านข้างขนาดใหญ่ช่วยกระชับลำตัว ป้องกันการลื่นไหลออกจากเบาะเมื่ออยู่ในโค้ง เป็นเบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับการใช้งานเมื่อได้ห้องโดยสารกว้าง ๆ ก็สามารถบรรทุกสัมภาระได้มาก รวมถึงมีความปลอดโปร่งไม่อึดอัด
เบาะหลังสามารถพับมาด้านหน้าได้จึงมีพื้นที่ราบเรียบต่อจากพื้นที่เก็บของด้านหลังสามารถจุสัมภาระขนาดใหญ่ ๆ ได้ การขึ้นลงก็สะดวกจากฝาท้ายที่กว้างและเปิดได้สูงจึงเป็นความสะดวกสบายในแบบรถอเนกประสงค์ที่มีฝีเท้าจัดจ้านไม่แพ้ใคร