นายนพดล ศรีสินรุ่งเรือง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่มธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถแบรนด์คุณภาพกลุ่มนี้มีการแข่งขันอย่างสูงด้านราคา แต่ในมุมของผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลรถที่เชี่ยวชาญด้านสีรถยนต์โดยเฉพาะ เรามองเห็นโอกาสในการสร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม องค์ความรู้ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เรามี จึงได้วางตำแหน่งการตลาดอย่างชัดเจนให้เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยม เรียกว่าเกรดเทียบเท่าแบรนด์นำเข้าในราคาที่คนไทยซื้อได้ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักไปที่เจ้าของรถที่ดูแลรถด้วยตัวเอง หรือ ให้ร้านคาร์แคร์บริการให้ โดยเป็นกลุ่มใส่ใจรายละเอียดและฉลาดเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีนวัตกรรมที่แตกต่าง
ยิ่งไปกว่านั้นในยุค New Normal พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตใหม่ที่เข้ามาทำให้คนตัดสินใจใช้รถส่วนตัวมากขึ้น และมีความจำเป็นต้องดูแลรถด้วยตัวเองที่บ้านแทนการเข้าคาร์แคร์ ดังนั้น สำหรับคนที่มีรถ ยิ่งต้องดูแลรักความสะอาดทั้งภายในและภายนอกรถอยู่เสมอ “NAXPRO” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้รถที่ต้องรับมือกับยุค New Normal ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์บางตัวก็สามารถใช้ภายในบ้านได้ เช่น Naxpro ตัวเคลือบเงาบำรุงเบาะหนัง และ Naxpro ทำความสะอาดเบาะผ้าและเบาะหนัง สามารถใช้ได้กับกระเป๋าหนังแท้หนังเทียมทุกเฉดสี เบาะ หรือ โซฟา เรียกได้ว่าตอบโจทย์ได้อย่างคุ้มค่า
สำหรับ แบรนด์ “NAXPRO” ได้เน้นทำการตลาดเชิงรุกแบบ Speed Action เน้นความรวดเร็วทันใจลูกค้า เพราะด้วยความเป็นแบรนด์ใหม่ใน Segment นี้ ดังนั้นนวัตกรรมเราต้องก้าวนำและทำให้เร็วกว่าเสมอ เน้นตอบสนองความต้องการแบบตรงจุดและผลิตสินค้าที่ครอบคลุมพร้อมขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมบริการหลังการขายที่ให้บริการแบบทันทีทันใด เราจึงไม่รอลูกค้าและไม่ให้ลูกค้าต้องรอ แต่เราจะเน้นเข้าถึงลูกค้า End consumer แบบเรียลไทม์ผ่าน Social Commerce มากขึ้น ตลอดจนใช้เป็นช่องทางสื่อสารอัพเดทโปรโมชั่นพิเศษ และให้ความรู้เรื่องการดูแลรักษารถยนต์ รวมถึง Tips ต่าง ๆ ในรูปแบบของ Info graphic /VDO Etc. จาก Facebook Fanpage NAXPRO ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ครบวงจร, Youtube Nippon Paint และ Line Official Account @np_auto ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่บริการคอยให้ตอบคำถามตลอดเวลาเพื่อ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้เป็นสำคัญ
ส่วนการตลาดแบบออนกราวน์ก็ยังคงทำควบคู่กัน โดยในช่วงยุค New Normal เรามีการปรับกลยุทธ์ ลด Scale กิจกรรมใหญ่ ๆ แต่เพิ่มการกระจายจุดกิจกรรมผ่านบูธประชาสัมพันธ์สินค้า มีการอบรมพนักงานขาย และฝ่ายเทคนิคทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย ซึ่งหลังจากเปิดตัวทางแบรนด์คาดว่าจะได้รับผลตอบรับจากคนรักรถยุคใหม่อย่างแน่นอน และเดินหน้าเปิดตัวร้านค้าต้นแบบ 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์และพัฒนาตลาดของประเทศไทยให้ทัดเทียมตลาดต่างประเทศ