HAVAL ในเครือบริษัท GWM ได้เปิดตัวรถรุ่น JOLION และ 3rd Gen HAVAL H6 ในมหกรรมยานยนต์ Auto Shanghai 2021 โดยรถยนต์ดาวเด่นทั้งสองรุ่นใช้ L.E.M.O.N. Platform อัจฉริยะ และมาพร้อมเทคโนโลยีมากมาย นับเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำของ HAVAL ในตลาดจีน ตามมาด้วยการเปิดตัวในตลาดต่างประเทศ
![](https://www.autowoke.com/wp-content/uploads/2021/04/2-20.jpg)
รถเอสยูวี HAVAL JOLION เปิดตัวในแอฟริกาใต้ อิรัก ซาอุดีอาระเบีย และออสเตรเลียแล้ว และได้รับความนิยมอย่างมาก รถรุ่นนี้เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย, ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติแบบ full-scene, หัวเกียร์ระบบไฟฟ้า และระบบขับขี่อัตโนมัติ L2 + นอกจากนั้นยังมาพร้อมสมรรถนะอันเหนือชั้นและประหยัดพลังงาน โดยใช้เครื่องยนต์ 1.5T (4g15k) และเทคโนโลยี Turbocharging ให้กำลังสูงสุด 110kW แรงบิดสูงสุด 22N*m และกำลัง HEV 1.5 T ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งยังมีโหมดขับขี่ให้เลือกทั้ง Standard / Sport / Economy / Snowfield เพื่อรองรับสภาพการขับขี่ที่หลากหลาย
![](https://www.autowoke.com/wp-content/uploads/2021/04/3-14.jpg)
ส่วนรถ 3rd Gen HAVAL H6 ที่ผสมผสานความงามแบบตะวันออกกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างลงตัว จะเปิดตัวทั่วโลกในอนาคตอันใกล้นี้ โดยมาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติ L2 + รวมถึงระบบ ACC, ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ และระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติแบบ full-scene นอกจากนั้นยังเป็นรถรุ่นเดียวในระดับนี้ที่มีระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB แบบ full-scene และระบบ ESP รุ่น 9.3 ใหม่ล่าสุด ซึ่งช่วยรักษาความเสถียรของตัวรถและรับประกันความปลอดภัยรอบด้านทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อีกทั้งยังเป็นรถที่ไม่ใช่รถระดับลักชัวรี่รุ่นแรกของโลกที่มีฟังก์ชัน Reverse Tracking มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและน่าอภิรมย์
![](https://www.autowoke.com/wp-content/uploads/2021/04/4-17.jpg)
รถทั้งสองรุ่นใช้ L.E.M.O.N. Platform และมาพร้อมดีไซน์ที่ได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพทั้งตัวรถและส่วนประกอบต่าง ๆ ช่วยให้มั่นใจในสมรรถนะชั้นนำระดับโลก L.E.M.O.N. Platformมีสมรรถนะสูง ความปอดภัยสูง ความยืดหยุ่นสูง และน้ำหนักเบา สร้างสรรค์โดย GWM ภายใต้หลักการ “ทุ่มลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา” และภายใต้หลักการนี้ GWM ได้วางเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาโดยมีจีนเป็นศูนย์กลาง และครอบคลุมทั่วยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ ในรูปแบบ “10 ศูนย์ ใน 7 ประเทศ” ซึ่งตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับโลกของบริษัท