Great Wall Motor Company Limited (GWM) ได้รายงานผลประกอบการทางการเงินในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 โดยระบุว่าในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน บริษัทมีรายได้รวม 6.1928 หมื่นล้านหยวน ทะยานขึ้น 72.36% เมื่อเทียบรายปี ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.529 พันล้านหยวน พุ่งขึ้น 207.87% เมื่อเทียบรายปี การเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิเป็นผลมาจากยอดขายรถและราคาขายรถโดยเฉลี่ยต่อคันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย GWM มียอดขายรถเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ด้วยยอดขายรถใหม่ 614,389 คัน เพิ่มขึ้น 53.68% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ราคาขายรถโดยเฉลี่ยต่อคันอยู่ที่ 100,800 หยวน เพิ่มขึ้น 12.15% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ การเดินหน้ายกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ยอดขายรถของ GWM เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทได้ทุ่มลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกือบ 2.9 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 63.15% เมื่อเทียบรายปี การลงทุนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเร่งนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในยานยนต์รุ่นใหม่ เช่น ระบบเชื้อเพลิงประสิทธิภาพสูง ระบบขับขี่อัจฉริยะ และห้องโดยสารอัจฉริยะ เป็นต้น ตลอดจนยกระดับการพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ
ยานยนต์หลายรุ่นอย่าง 3rd Gen HAVAL H6, HAVAL JOLION, GWM POER และอื่น ๆ ต่างประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ เช่น รัสเซีย ออสเตรเลีย ชิลี และแอฟริกาใต้ ส่งผลให้ GWM มียอดขายในต่างประเทศทำนิวไฮ ด้วยยอดขายรถ 61,559 คันในช่วงครึ่งปีแรก พุ่งขึ้น 133.24% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกเติบโตอย่างมั่นคง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากดีมานด์มหาศาลจากทั่วโลก GWM จึงตั้งเป้าทำยอดขายรถในต่างประเทศให้ได้ถึง 1 ล้านคันภายในปี 2568 และได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยเมื่อไม่นานมานี้ GWM และ Daimler Group ได้ลงนามข้อตกลงซื้อขายโรงงาน Erasemapolis ในบราซิล ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยให้ GWM เติบโตได้เร็วขึ้นในตลาดอเมริกาใต้ ขณะเดียวกัน GWM ได้บุกตลาดต่างประเทศหลายแห่ง เช่น เนปาล อิรัก และบรูไน ด้วยยานยนต์หลากหลายรุ่นอย่าง 3rd Gen HAVAL H6, HAVAL JOLION และ GWM POER พร้อมกับเดินหน้าขยายธุรกิจในตลาดเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และอาเซียน
