
คงไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีกแล้วสำหรับสุดยอดรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตจากค่ายกังหันลมสีฟ้า BMW โดยเฉพาะนับตั้งแต่ผ่านยุคมิลเลนเนี่ยมมาเกือบ 10 ปี BMW ซุ่มพัฒนารถสปอร์ตเรพพริก้าที่พัฒนามาจากการแข่งขัน WSBK ด้วยการเปิดตัวรถสปอร์ตโปรโตไทป์ S1000RR ในปี 2008 ฉีกภาพลักษณ์รถสปอร์ตใหญ่เทอะทะจากแต่เดิม ก่อนนำเข้าสู่ไลน์การผลิตและขายจริงในปี 2010
โมเดลแรกนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ความร้อนแรงของขุมพลัง ในระดับ 1ลิตร และมีแรงม้าสูงปรี๊ด 194 แรงม้า นับว่าเป็นรถสปอร์ตที่แรงที่สุดในยุคนั้น และอีกทั้งหน้าตาที่ดูบูดเบี้ยวคล้ายคนตาเหล่ รวมถึงการดีไซน์ชุดแฟริ่งข้างที่มองปร๊าดเดียวก็ทำให้นึกถึงสัตว์ร้ายใต้ทะเลอย่าง “ฉลาม” ถึงแม้ว่าการออกแบบจะฉีกไปจากรถสปอร์ตค่ายญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ก็ทำให้กระทาชายหลายนายในยุคนั้น พร้อมใจกันควักกระเป๋าถอยฉลามมาขี่กันเต็มถนน แม้ในช่วงเวลานั้นยังเป็นยุคของตลาดเกรย์มาร์เก็ตก็เหอะ
ในปี 2015 หรือ 5 ปีถัดมา BMW ออก S1000RR เจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งมาพร้อมระบบอิเล็คทรอนิคแพ็คเก็จที่แพรวพราวมากยิ่งขึ้น ทั้งระบบช่วงล่างDynamicแบบปรับไฟฟ้า รวมถึงขุมพลังเครื่องยนต์ที่รีดแรงม้าขึ้นไปถึงระดับ 199 แรงม้า ซึ่งส่วนตัวแล้วผมมีโอกาสได้ทดลองขับรถนี้ครั้งแรกที่สนามช้างฯ ในกิจกรรม BMW Track Experience เมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. 2016 หรือเมื่อเกือบ 4 ปีมาแล้วนั้นแหละ
สำหรับ S 1000 RR รุ่นล่าสุดนี้ ได้รับการพัฒนาให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า นอกจากเรื่องหน้าตาที่หล่อเนี๊ยบแล้ว ขุมพลังใหม่ยังพัฒนารีดพละกำลังให้สูงขึ้นไปอีก ด้วยเทคโนโลยี Shift Cam หรือจะให้เข้าใจกันง่ายๆก็คือระบบวาล์วแปรผันนั้นแหละ โดย S1000RR ใหม่ใส่เทคโนโลยีนี้เข้าไป และคาดว่าจะมีรุ่นอื่นๆที่จะทยอยใส่ระบบวาล์วแปรผันนี้อีกด้วย ส่งผลให้เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1 ลิตร รีดกำลังออกมาได้สูงถึง 207 แรงม้าที่ 13,500 รอบ/นาที ขณะที่แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตรที่11,000 รอบ/นาที เปิดปิดไอดีไอเสียด้วยวาล์วไทเทเนี่ยม โดยเครื่องยนต์ลำใหม่นี้มีน้ำหนักเบาลงถึง 4 กก.
ฟังเพียงข้อมูลเรื่องสมรรถนะก็ตื่นเต้นแล้ว แน่นอนว่าความแรงต้องมาคู่กับช่วงล่างที่เฟอร์เพ็ค ซึ่งแน่นอนBMWไม่ทำให้ผิดหวัง จัดระบบ Dynamic Damping Control (DDC) ทั้งช่วงล่างหน้าและหลังมาพร้อมโช้คอัพไฟฟ้าที่ปรับการทำงานแบบเรียลไทม์ ใช้เวลาปรับสั้นสุดๆเพียง 10 มิลลิวินาที สามารถปรับเปลี่ยนการตอบสนองไปตามสภาพพื้นถนน รวมถึงลักษณะและทักษะการชับขี่อีกด้วย ถือว่าเป็นช่วงล่างที่ชาญฉลาดมากๆเลยทีเดียว ซื้อไปแล้วแทบไม่ต้องไปวุ่นวายอะไรกับระบบช่วงล่าง ถ้าจะโทษว่าช่วงล่างไม่ดีแนะนำว่าโทษคนขี่น่าจะเหมาะกว่า
มาว่ากันเรื่องการออกแบบภายนอกบ้าง ผมเดินสำรวจรอบตัวรถถือว่าการออกแบบสะดุดตามาก ทั้งไฟหน้าLEDตามแบบสมัยนิยม เป็นโคมไฟโปรเจ็คเตอร์ที่จานฉายเป็นจุดรวมแสง พร้อมด้วยไฟDaylightเพิ่มความปลอดภัยเป็นจุดสังเกตุง่ายเวลาขับขี่ทั้งกลางวันและกลางคืน หน้าจอ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในจักรยานยนต์ตัวท้อปของปัจจุบัน เมื่อเปิดสวิตช์กุญแจ จะมีข้อความแอนิเมชั่นแสดงต้อนรับอย่างทันสมัยสวยงาม ซึ่งหน้าจอนี้บอกข้อมูลทุกอย่างเสร็จสรรพตั้งแต่ความเร็วรถยันลมยาง แทบไม่ต้องไปหาเกจ์วัดอะไรมาติดเพิ่มเติมแล้ว และเราสามารถเรียกดูข้อมูลทุกอย่างได้ด้วย Multicontroller ที่เป็นสวิตช์ควบคุมบนแฮนด์ด้านซ้าย
ตัวถังน้ำมันดีไซน์ใหม่ความรู้สึกเมื่อใช้ต้นขาหนีบค่อนข้างกระชับดี แนะนำว่าเมื่อซื้อไปแล้วควรติดแผ่นซิลิโคนกันลื่นอีกนิด จะช่วยให้การหนีบถังหนึบหนับมั่นคงมากขึ้น โดยความจุถังน้ำมันลงลงจากรุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย จาก17.5ลิตร เหลือ 16.5 ลิตร ซึ่งทางช่างเทคนิคเปิดเผยว่า แม้ถังน้ำมันจะเล็กลงแต่ระยะทางวิ่งต่อถังไม่น้อยลง โดยเมื่อเติมน้ำมันเต็มถังสามารถขับขี่ได้ไกลเฉลี่ย 250 กม./ถัง และมีขนาดน้ำมันสำรอง 4 ลิตร เพียงพอให้คุณเหลือระยะทางแวะเข้าปั้มได้อย่างสบายใจ เบาะนั่งไม่นุ่มเกินไปและมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยจากความรู้สึกที่ได้ทดลองนั่ง เฟรมรถพัฒนาใหม่ใช้เฟรมแบบ Flex Frame ที่มีน้ำหนักเบาแต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรง
ผมลองลงไปคร่อมรถสิ่งแรกที่พบคือน้ำหนักที่เบาขึ้นจากตัวเก่าที่หนัก 208 กก.เหลือ 197 กก. หายไป 11 กก. รวมถึงตำแหน่งแฮนด์มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เนื่องจากองศาแฮนด์ค่อนข้างกว้างขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยให้เลี้ยวรถได้คล่องขึ้นด้วย ความสูงเบาะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่คนไทยไซส์เอเชียจะขับขี่ได้ง่าย เพราะมันไม่ได้สูงมากแม้คนตัวเล็กที่มีส่วนสูง 160-165 ซม.เท้ายังถึงพื้นได้เต็มฝ่าเท้าไม่ถึงกับเต้นบัลเล่ต์
ส่วนท้ายรถนั้นออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ มีความพิเศษที่ชุดไฟเลี้ยวและไฟเบรคแบบ Led อยู่ในไฟเดียวกัน ทั้งนี้เมื่อลงสนามยังสามารถถอดออกได้ง่ายๆอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีชุดแต่ง M ซึ่งมาพร้อมล้อสไตล์ M คันคลัทช์ , ก้านเบรค และท่อไอเสีย M ไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากซ้ำใครและดูดีมีระดับยิ่งขึ้นไปอีกด้วย
ได้เวลาลงไปหวดกันแล้ว
ภายหลังจากออกตัวไปบนพิทเลน ทดลองเลี้ยวสลับฟันปลาพบว่าทำได้ง่ายขึ้น อนึ่งคาดว่าเป็นผลจากองศาแฮนด์ใหม่ที่กว้างขึ้น รวมถึงระยะฐานล้อที่สั้นลง จึงช่วยให้รถคล่องตัวมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่ารถจะมีวงเลี้ยวที่แคบลงหรือสามารถขับขี่ซอกแซกได้อย่างง่ายดายเหมือนรถเน็กเก็ตไบค์ เพราะแม้ว่าแฮนด์จะมีองศากว้างขึ้นแต่ยังทำมุมเลี้ยวได้พอๆกับรุ่นเก่า เหมือนๆกับรถสปอร์ตเรพพลิก้าทั่วไป น้ำหนักตัวจะถ่ายมาที่ข้อมือมากหากไม่ใช้เข่าหนีบถัง ซึ่งจุดนี้เองแนะนำว่าอยากให้ไปซื้อซิลิโคนมาแปะเพิ่ม เพราะถังค่อนข้างลื่น
สิ่งแรกที่ประทับใจเอาเสียมากๆคือเครื่องยนต์เดินได้เรียบเนียนมาก แม้ว่าจะทดลองขับที่เกียร์สูงความเร็วต่ำ เมื่อจำเป็นต้องเปิดคันเร่งอย่างรวดเร็วก็สามารถทำได้ทันที ผมทดลองเปลี่ยนเกียร์ขึ้นไปถึงเกียร์สูงสุด ซึ่งความเร็วในขณะนั้นอยู่ที่ระดับ 60 กม./ชม. โดยจากความเร็วนี้สามารถกระแทกคันเร่งและไต่ความเร็วขึ้นไปถึงความเร็วสูงสุดได้ทันที แทบไม่มีอาการกระอักกระอ่วนจากเครื่องยนต์ที่ปกติจะพบได้ทั่วไป แต่สำหรับ S 1000 RR ทำเครื่องมาได้สมูทเนียนกริ๊บ
ใช้ครัทช์แค่ตอนออกตัว ที่เหลืองัดๆ ตบๆ
ที่พูดแบบนี้ก็เพราะ S1000RR มีระบบควิกชิพเตอร์ และ ดาวน์ชิพฯ มาให้เสร็จสรรพ ผมใช้ครัทช์แค่ตอนออกตัวเท่านั้นจริงๆ กับอีกครั้งตอนจะจอด ที่เหลือจะลดหรือเพิ่มเกียร์ก็สามารถงัด/ตบลงได้ทันที ซึ่งการชิพเกียร์ค่อนข้างรวดเร็วทันใจมาก ในบางจังหวะลองรวบเกียร์จาก5เหลือ2ทำได้ไม่ยาก สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับเกียร์ที่มี่ระบบเปลี่ยนเร็วเช่นนี้ คือน้ำมันเครื่องที่ต้องมีคุณภาพสูง โดยควิกชิพเตอร์และดาวชิพฯช่วยให้ผมไม่ต้องกำครัทช์เกือบตลอดการขับขี่ในสนามเลย แต่ถ้าเราเชนจ์หนักเกินไปก็ต้องบีบครัทช์ช่วยอยู่ดี แต่ขอติหน่อยตรงที่ระบบครัทช์น่าจะให้ครัทช์น้ำมันมาเลย เพราะจะบีบได้นุ่มมือมาก ดีกว่าครัทช์แบบสายที่ค่อนข้างหนักและกินแรงมือพอสมควร
อัตราเร่งสนุกสะใจกว่าเก่า…เมื่อวาล์วเปิดโลกก็เปลี่ยน
ขับรถสปอร์ตถ้าไม่พูดถึงอัตราเร่งคงน่าเสียดาย ซึ่งตรงนี้มันมีความแตกต่างของเครื่องยนต์แฝงอยู่ เพราะถ้าเราขับรอบไม่สูงเครื่องยนต์จะยังไม่แสดงพลังอำนาจออกมา แต่เมื่อเราเร่งรอบฯขึ้นไปเกินกว่า 9,000 รอบฯ ซึ่งเป็นจุดที่ระบบ ShiftCam ทำงาน เพียงเท่านี้แรงม้ากว่า 207 ตัวก็กระโจนออกมาแทบจะในทันที ทั้งอัตราเร่งทั้งแรงม้าและแรงบิดที่มหาศาลต่างพรั่งพรูออกมาอย่างฉับพลันทำให้สารอดรีนาลีนถูกฉีดออกมาไม่ขาดสาย แรงจีนั้นแรงจนรู้สึกเหมือนใบหน้ามันเลื่อนลงไปจนถึงตาตุ่ม ความรู้สึกนี้มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก ซึ่งส่วนตัวแล้วโอกาสที่ได้ขี่รถสปอร์ตแรงๆระดับนี้มีไม่มากนัก ผมตะโกนร้องเสียงหลงในหมวกกันน็อคของตัวเองในแทบจะทุกครั้งที่บิดหมดปลอก ส่วนความเร็วสูงสุดที่ทำได้นั้นคงต้องบอกว่า “สัยเจีย..เสียใจ” เพราะรถทุกคันถูกสติ๊กเกอร์ปิดในจุดมาตรวัดความเร็วเกือบทั้งหมด อดเห็นตัวเลขความเร็วสวยๆของ S1000RR เสียเลย
ในขณะที่ไรดิ้งโหมด Rain,Road,Dynamicและ Race ตอบสนองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไล่ระดับความแรงและการตอบสนองที่รวดเร็วลดหลั่นกันลงไป ซึ่งเรายังสามารถเข้าไปตั้งค่าต่างๆทั้ง แทร็คชั่นคอนโทรล , ABS ฯลฯ ซึ่งสามารถปรับได้ด้วยสวิตช์ควบคุมตลอดเวลาแม้กระทั่งในขณะขับขี่ ไม่ต้องจอดปรับโหมดกันให้เสียเวลาแต่อย่างใด
ช่วงล่างเดิมๆไม่ต้องไปยุ่งอะไรแล้ว
ช่วงล่างนั้นถ่ายทอดเทคโนโลยีสนามจากแข่ง ทั้งสวิงค์อาร์มอลูมิเนียม ระบบกันสะเทือนที่ทำงานร่วมกับระบบอิเล็คทรอนิค Dynamic Damping Control (DDC) รุ่นใหม่ ที่มีวาล์วอิเล็กทรอนิกส์ทำงานร่วมกันกับวาล์วเชิงกล ที่ปรับเปลี่ยนช่วงล่างได้ภายใน 10 มิลลิวินาที ซึ่งในการขับขี่ครั้งนี้ทางค่ายได้ปรับค่าแรงดันลมยางลงมาเหลือเพียง 30 ปอนด์ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ซึ่งช่วยให้เพิ่มการยึดเกาะยิ่งขึ้นเหมาะสำหรับการขับขี่แบบเรสซิ่งในสนามแข่งขัน แม้ว่าลมยางจะอ่อนกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แต่ก็พอจะจับความรู้สึกได้ว่าเมื่อเติมลมยางในระดับมาตรฐานอาจจะทำให้ช่วงล่างกระด้างขึ้นมาบ้าง แต่จากที่ได้ทดลองขับขี่ในสนามช้าง ผมค่อนข้างเพลิดเพลินกับช่วงล่างเดิมๆของเจ้าฉลามคันนี้ แทบไม่มีอาการอ่อนยวบย้าบมาให้เห็น
สรุป
เนื่องจากเป็นการขับขี่ในรูปแบบเซอร์กิต มิได้ทดลองขับขี่แบบใช้งานทั่วไป สรุปได้ว่า BMW S1000RR เป็นรถสปอร์ตที่ตอบสนองเจ้าของที่ชื่นชอบการขับขี่ในสนามเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์,ช่วงล่างและระบบอิเล็คทรอนิค ที่เข้ามาอำนวยให้ผู้ขับขี่ได้รับความสนุกแต่ยังอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัย แม้ว่าราคารถจะค่อนข้างสูงและมีให้เลือกเพียง 2 สี สำหรับสีแดง Racing Red 1,200,000 บาท ส่วนสีไตรคัลเลอร์ ขาว/น้ำเงิน/แดง จะสูงถึง 1,050,000 บาท แต่เมื่อเทียบกับสเปครถ ความสนุก ความเหนือระดับ รวมถึงแพ็คเกจของแถม BMSI (BMW Motorrad Service Inclusive) ที่มีระยะเวลาบำรุงรักษาตามมาตรฐาน 3 ปี หรือ 30,000 กม. และรับประกันคุณภาพ 3 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่ากระทาชายควักกระเป๋าจ่ายกันอย่างไม่ยาก
/////////////////////////////
ข้อมูลทางด้านเทคนิค BMW S1000RR
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ สี่สูบเรียง วาวล์ไทเทเนี่ยมสี่วาวล์ต่อลูกสูบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำและของเหลว และระบบวาล์วแปรผันในเทคโนโลยี BMW ShiftCam
กระบอกสูบ 80 มม. x 49.7 มม.
ความจุเครื่องยนต์ 999 ซีซี
แรงม้า 152 กิโลวัตต์ (207 แรงม้า) ที่ 13,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที
อัตรากำลังอัด 13.3:1
ระบบควบคุมเครื่องยนต์ ควบคุมหัวฉีดด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ แปรผันตามรอบเครื่องยนต์
สมรรถนะการขับขี่ / การสิ้นเปลืองพลังงาน
ความเร็วสูงสุด 299 กม./ชม.
อัตราการบริโภคน้ำมัน 6.4 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร
ประเภทน้ำมัน เบนซิน อ็อกเทน 95
ระบบไฟฟ้า
ไดชาร์จ 450 วัตต์
แบตเตอรี่ 12 โวลท์ / 8 แอมป์
การส่งกำลัง
ระบบคลัทช์ คลัทช์เปียกซ้อนกันหลายแผ่น พร้อมระบบ anti-hopping
ระบบเกียร์ 6 สปีด
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนด้วยโซ่ 17/45
ระบบช่วงล่าง / เบรก
เฟรมโครงสร้าง Bridge-type frame, cast aluminium, load-bearing engine
ระบบกันสะเทือนล้อหน้า โช้คหัวกลับ ขนาด Ø 45 มม. พร้อมปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้
ระบบกันสะเทือนล้อหลัง “WSBK” สวิงอาร์มคู่อลูมิเนียม พร้อมปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้
ระยะระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง 120 มม. / 117 มม.
ระยะฐานล้อ 1.441 มม.
มุมแคสเตอร์และระยะเทรล 93.9 มม.
องศาคอในการเลี้ยงรถ 66.5°
ล้อ ล้ออลูมิเนียม
ขนาดล้อหน้า 3.50″ x 17″
ขนาดล้อหลัง 6.00″ x 17″
ขนาดยางล้อหน้า 120/70 ZR 17
ขนาดยางล้อหลัง 190/55 ZR 17
ระบบเบรคล้อหน้า ดิสก์เบรกคู่ ขนาด 320 มม. คาลิปเปอร์สี่สูบ
ระบบเบรคล้อหลัง ดิสก์เบรคเดี่ยว ขนาด 220 มม. คาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยว
ระบบ ABS BMW Motorrad Race-ABS (part-integral) เลือกเปิด-ปิดได้
ขนาด / น้ำหนัก
ความสูงของเบาะ 824 มม.
ระยะระหว่างขา 1,827 มม.
ความจุถังน้ำมัน 16.5 ลิตร
ปริมาณน้ำมันสำรอง ประมาณ 4 ลิตร
ความยาว 2,073 มม.
ความสูง (ไม่มีกระจก) 1,151 มม.
ความกว้าง (รวมกระจกข้าง) 848 มม.
น้ำหนักรวมบรรทุกสูงสุด 407 กก.
น้ำหนักรวมบรรทุก (รวมอุปกรณ์มาตรฐาน) 210 กก.
STANDARD EQUIPMENT
BMW Motorrad ABS
ABS PRO
DTC (Dynamic Traction Control)
HSC (Hill Start Control)
4 riding modes (Rain, Road, Dynamic, Race)
Shift Assist Pro
TFT-Display
LED-Turn Signal
LED-Headlight and Rearlight
STANDARD OPTION FOR THAILAND
DYNAMIC DAMPING CONTROL
RIDING MODES Pro
DESIGN OPTION WHEEL
CONTROL BRAKE LIGHT
SA HTD HANDLES
CRUISE CONTROL
HEATED GRIPS