Nissan Big M เปิดตัวในปี 2529 เป็นการปรับโฉมใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดท้ายหลังจากจบรุ่น Professionalไป รองรับการบรรทุกได้มากขึ้นจากการวางเพลาไว้ตรงกลางกระบะ วางเครื่องยนต์เบนซิน “Z 16-S” ความจุ 1,600 ซีซี ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลจะเป็น “SD 25” ขนาด 2,500 ซีซี ถือเป็นยุคสุดยอดรถกระบะ NISSAN สามารถสร้างยอดขายได้เยอะจากการปรับการปรับโฉมเรื่อยๆ มีรุ่นพิเศษ “แค็บสตาร์ช่วงยาว” แบบ 6 ล้อ รุ่นดับเบิ้ลแค็บรวมถึงรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อก็มีขายในช่วงแรกๆด้วย
ในปี 2530 มีการปรับเครื่องยนต์เบนซินให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2,000 ซีซี ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเปลี่ยนไปเป็น “TD 25” แบบสเวิร์ลแชมเบอร์ มีการปรับโฉมใหม่ให้ห้องโดยสารใหญ่ใหญ่ขึ้นในรุ่น King Cab ออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพื่อนๆ ยี่ห้ออื่นเปิดตัวกันไปหมดแล้ว ซึ่งในขณะนั้นจะเป็นแค่เพียง แค็บขนาดเล็กเท่ากันกับรุ่นใน อเมริกาและมีเอกลักษณ์ตรงรูปทรงของกระจกบานเผยอที่โค้งส่วนบน ขึ้นไปหุ้มทับขอบหลังคา (สำหรับรูปลักษณ์ ที่เป็นแบบห้องโดยสารใหญ่นี้ในระยะหลังๆ วงการ
ในปี 2533 ก็มีการ ใช้ตัวถังแบบสีทูโทน พร้อมกับเปลี่ยนเครื่องดีเซลเป็น “BDI” ใช้ระบบ ไดเร็คท์อินเจ็คชั่น OHV แบบอีซูซุในรหัส “BD 25” มีเรียวแรงมากถึง 90 แรงม้า
ในปี 2536 มีการปรับโฉมครั้งใหญ่แม้จะใช้โครงสร้างของ แชสชีส์-หัวเก๋ง เดิมแต่เปลี่ยนเปลือกนอกทั้งคันกลายเป็นโฉม หน้าหัก ที่มาพร้อมโป่งข้างแบบเดียวกับรุ่น “Hadr Body 4 WD” ที่ฮิตอยู่ใน อเมริกา ยังมีการขยายความยาวของหัวเก๋งในรุ่น “King Cab” จนทัดเทียมกับ ISUZU โดยยังใช้เครื่องดีเซล “BD 25” ตัวเดิม ส่วนรุ่นเบนซินก็เป็น “Z 20”