ปี 2020 นี้เป็นปีที่เปอโยต์มีอายุครบรอบ 210 ปีนับจากการก่อตั้งในปี ค.ศ. 1810 ที่เมืองซอโช ประเทศฝรั่งเศส เปอโยต์เป็นผู้ผลิตรถยนต์หนึ่งในไม่กี่รายที่มีประวัติน่าตื่นเต้นมายาวนานกว่าสองศตวรรษ และก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกในปัจจุบัน โดยนับตั้งแต่ปี 1810 เป็นต้นมา เปอโยต์ได้นำนวัตกรรมและความทันสมัยมาสู่โลกของอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ทำให้ชื่อและโลโก้รูปสิงโตของเปอโยต์มีความผูกพันกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเลื่อย เครื่องมือช่าง โครงกระโปรงทรงสุ่ม เครื่องบดกาแฟ จักรยาน มอเตอร์ไซค์ สกู๊ตเตอร์ ไปจนถึงรถยนต์
การเปลี่ยนโรงงานข้าวโพดเป็นโรงงานเหล็กกล้าในปี 1810 เป็นจุดเริ่มต้นของเปอโยต์ในยุคอุตสาหกรรม ที่จุดประกายความคิดให้กับนายชอง ปิแอร์ และนายชอง เฟเดอริค เปอโยต์ แต่เส้นทางยนตรกรรมของเปอโยต์ยังรออยู่อีกยาวไกล
ผลิตภัณฑ์ของเปอโยต์ในยุคนั้นมีความหลากหลายตั้งแต่เครื่องบดกาแฟ เลื่อย โครงชุดคอร์เซ็ท และจักรเย็บผ้า ซึ่งการเติบโตของกิจการเหล่านี้ต้องอาศัยการพัฒนากำลังการผลิตแบบใหม่ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ ความสามารถในการปรับตัว และการยอมรับความท้าทายใหม่ๆ ก็ทำให้เปอโยต์สามารถผลิตจักรยาน และรถจักรยานยนต์ได้สำเร็จในปี 1886 ตามด้วยรถยนต์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปโดยสิ้นเชิงในปี 1891
ในช่วง 210 ปีที่ผ่านมา เปอโยต์ได้แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์อันโดดเด่นของผู้ก่อตั้ง ตลอดจนความสามารถในการคาดการณ์อนาคต ก้าวทันโลก และฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ รถยนต์สี่ล้อที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมันคันแรกของเปอโยต์ที่มีชื่อว่า Type 2 ไปจนถึงยนตรกรรมรุ่นล่าสุด ล้วนเป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเปอโยต์ได้ดี นอกจากนั้น การพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านวิศวกรรม บุคลากร และอุตสาหกรรม ยังทำให้เปอโยต์ยืนหยัดเรื่อยมานับตั้งแต่ยุคที่มีปริมาณการผลิตเพียงไม่กี่สิบคันต่อปี จนถึงยุคปัจจุบันที่เปอโยต์มีปริมาณการผลิตยนตรกรรมหลายพันคันต่อวัน
โลโก้รูปสิงโต
ในปี 1858 ขณะที่การพัฒนายังอยู่ในขั้นเริ่มต้น เปอโยต์เลือกใช้โลโก้รูปสิงโตที่มีชื่อว่า The Marque โดยมีที่มาจากเลื่อยเปอโยต์ และแสดงถึงความแข็งแรงของฟันเลื่อย ความโค้งงอของใบเลื่อย และความรวดเร็วในการใช้งาน โลโก้ The Marque นั้นมีรูปแบบแตกต่างกันไปถึง 8 แบบ รวมถึงแบบทูโทนที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับรถยนต์รุ่น RCZ ในปี 2010
ยนตรกรรมสองล้อ
ตำนานการผจญภัยของจักรยานเปอโยต์เริ่มขึ้นในปี 1886 ด้วยจักรยานรุ่น Grand Bi ที่ดึงดูดใจด้วยล้อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.35 เมตร จักรยานเปอโยต์ได้เข้าร่วมการแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์ ในปี 1905 และแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมด้วยการคว้าชัยชนะมามากมาย ทั้งนี้ นวัตกรรมจักรยานของเปอโยต์มีพื้นฐานอยู่ที่คุณภาพเกียร์ ทำให้เปอโยต์กลายเป็นผู้ผลิตจักรยานแถวหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึง 50,000 คันในช่วงทศวรรษ 1950 และมากกว่า 400,000 คันในช่วงทศวรรษ 1970
ในปี 1898 การผจญภัยครั้งใหญ่ของเปอโยต์ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งที่โรงงานโบลิเออ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโลโก้ The Marque ตลอดจนจักรยานคันแรก รถยนต์คันแรก และมอเตอร์ไซค์คันแรกของเปอโยต์ในเวลาต่อมา โดยมอเตอร์ไซค์สามล้อคันแรกของเปอโยต์ถูกผลิตขึ้นในปี 1898 หลังจากนั้นจึงได้ผลิตมอเตอร์ไซค์สี่ล้อขึ้นในปี 1900 แต่ไม่ได้รับความนิยมมากนักเนื่องจากใช้งานค่อนข้างยาก ในที่สุดมอเตอร์ไซค์สองล้อคันแรกของเปอโยต์ที่มีชื่อว่า Motobicyclette ก็ถูกจัดแสดงในงานแสดงสินค้าที่กรุงปารีสในปี 1901 โดยใช้เครื่องยนต์ขนาด 198 ซีซี 1.5 บีเอชพี หลายปีต่อมาจึงเริ่มมีการใช้ลูกสูบคู่ที่มีกำลังแรงขึ้น จนกระทั่งในปี 1914 มอเตอร์ไซค์เปอโยต์ก็สามารถทำลายสถิติความเร็วได้ที่ 122 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เปอโยต์ยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่น 515 ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซีแบบสี่จังหวะในปี 1993 เพื่อเป็นคู่แข่งมอเตอร์ไซค์อังกฤษที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่และมีกำลังแรง มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้รับความนิยมสูงมากด้วยรูปลักษณ์อันงดงาม และยังนับเป็นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สัญชาติฝรั่งเศสรุ่นสุดท้ายอีกด้วย
หลายปีต่อมา เปอโยต์ได้ขยายการผลิตไปสู่สกู๊ตเตอร์และมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมมากกว่าอันเนื่องมาจากปัญหาสภาพเศรษฐกิจ โดยในปี 1982 เปอโยต์ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการเปิดตัวสกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ตัวถังพลาสติกเป็นรายแรก และสร้างความโดดเด่นด้วยการติดตั้งระบบเบรกเอบีเอสให้กับสกู๊ตเตอร์ขนาด 125 ซีซีเป็นรายแรกเช่นกัน ในปัจจุบัน เปอโยต์เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เพียงรายเดียวในบรรดาผู้ผลิตกว่า 300 รายในประวัติศาสตร์มอเตอร์ไซค์ฝรั่งเศสที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในตลาด ภายใต้การควบคุมของพีเอสเอกรุ๊ปมาตั้งแต่ปี 1998
เปอโยต์ก้าวเข้าสู่โลกแห่งรถยนต์ในช่วงต้นปี 1889 จากวิสัยทัศน์และความหลงใหลในรถยนต์ของนายอาร์มานด์ เปอโยต์ ซึ่งเริ่มจัดแสดงรถยนต์ Serpollet-Peugeot ที่ใช้พลังงานไอน้ำคันแรกของเขา ณ กรุงปารีส แต่อาร์มานด์รู้ดีว่าน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงที่มีข้อดีมากมาย เขาจึงรีบหันมาพัฒนายนตรกรรมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมันแทน ในช่วงทศวรรษ 1890 เปอโยต์ได้ผลิตรถยนต์ Peugeot Type 2 ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากน้ำมัน ซึ่งแสดงถึงนวัตกรรมและการพัฒนาขั้นสูงของเปอโยต์ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ รถยนต์ของเปอโยต์ในช่วงแรกจะมีชื่อเป็น Type รวมถึง Type 36 ที่เริ่มใช้พวงมาลัย และ Type 48 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้าตามรูปแบบของรถยนต์สมัยใหม่
เทคโนโลยีล้ำสมัยทำให้ยอดขายรถยนต์เปอโยต์เพิ่มสูงขึ้น จนกระทั่งในปี 1900 เปอโยต์ก็มีปริมาณการผลิตรถยนต์สูงถึง 500 คันต่อปี และได้ก่อตั้งสำนักงานใหญ่ขึ้นที่เมืองเลวัลลัวส์ กรุงปารีสในปี 1902 เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อมาในปี 1925 รถยนต์เปอโยต์คันที่ 100,000 ก็ถูกผลิตออกมาสู่ตลาดในที่สุด
เปอโยต์ผลิตรถยนต์ที่น่าจดจำมากมายหลายรุ่นในช่วงต้นทศวรรษ 1900 ไม่ว่าจะเป็น Type BP1 Type 153 และ Baoy แต่เปอโยต์ก็ได้เริ่มผลิตรถยนต์อย่างเต็มกำลังด้วยรุ่น 201 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1929 และมีราคาถูกที่สุดในตลาดประเทศฝรั่งเศส โดยรุ่น 201 นี้เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้โลโก้เปอโยต์แบบใหม่เป็นเลข 3 ตัวที่มีเลขศูนย์อยู่ตรงกลาง และเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ติดตั้งล้อหน้าแบบอิสระเพื่อความผ่อนคลายอย่างเต็มที่ของผู้โดยสาร
ในช่วงทศวรรษ 1930 เปอโยต์ได้รับความนิยมอย่างมากจากการเปิดตัวรูปทรงแอโรไดนามิคของรถเปอโยต์ทุกรุ่น โดยมีไฟหน้าแบบกระจกครอบ หน้าหม้อน้ำที่ลาดเอียงเล็กน้อย และบังโคลนต่ำตามแบบฉบับรถยนต์สมัยใหม่อย่างแท้จริง นอกจากนั้น เปอโยต์ยังได้เปิดตัวรถยนต์รุ่น 401 Eclipse ที่สามารถเปิดปิดหลังคาแบบแข็งได้เป็นคันแรกของโลกในปี 1935 และได้นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในรถยนต์รุ่น 301 และ 601 ทั้งที่รถยนต์รุ่น 401 Eclipse ถูกผลิตขึ้นมาเพียง 79 คันเท่านั้น แต่ด้วยดีไซน์อันดึงดูดใจของรถรุ่นนี้ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายหันมายึดเป็นต้นแบบ และยังติดตั้งหลังคาแบบเปิดปิดได้ให้กับรถยนต์ขนาด 206 ซีซีและ 307 ซีซีในเวลาต่อมา
ในช่วงทศวรรษ 1940 และ 1950 เปอโยต์ได้เริ่มผลิตรถยนต์รุ่น 203 และ 403 ขึ้น โดยรุ่น 403 นี้เป็นรถยนต์ดีเซลรุ่นแรกที่เปอโยต์ได้ร่วมงานกับ Pininfarina นักออกแบบชาวอิตาเลียน และเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันมาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับรถรุ่น 404 ที่ได้รับการออกแบบสไตล์อิตาเลียนอย่างลงตัวด้วยการผสมผสานรสนิยมอันยอดเยี่ยมเข้ากับความคลาสสิคแบบทันสมัย ความทนทานและคุณภาพที่วางใจได้ทำให้รถรุ่น 404 ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และยังมีใช้อยู่ในแถบแอฟริกาบางประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
ทศวรรษ 1960 เป็นช่วงเวลาแห่งการพลิกหน้าประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิงเมื่อเปอโยต์เปิดตัวรถรุ่น 204 ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า มีการสั่งซื้อรถยนต์รุ่นนี้มากกว่า 5,000 คันตั้งแต่ก่อนจะปรากฏตัวสู่สายตาสาธารณชน จนนำไปสู่นิยามใหม่ของตลาดรถยนต์ในประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียว
ในช่วงทศวรรษ 1970 เปอโยต์ยังคงผลิตรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างรุ่น 604 ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่พาเปอโยต์ก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์หรูได้สำเร็จ และได้รับคำชมมากมายถึงการออกแบบสไตล์ Pininfarina อันหรูหราและงดงามในงานมอเตอร์โชว์กรุงเจนีวาในปี 1975
ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1980 เปอโยต์ได้ผลิตรถยนต์รุ่น 205 ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถยนต์คลาสสิคยุคใหม่ โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ ระบบกันสะเทือนแบบแมคเฟอร์สันที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการเกาะถนนและความเร้าใจในการขับขี่ นอกจากนั้น รถยนต์รุ่น 205 ยังได้รับรางวัล Car of the Year ประจำปี 1984 จากนิตยสาร What Car? และได้รับเลือกให้เป็นรถยนต์แห่งทศวรรษโดยนิตยสาร CAR ในปี 1990 จนกระทั่งในปีต่อๆ มา เปอโยต์ก็ยังประสบความสำเร็จจากการผลิตรถยนต์อีกหลายรุ่น ทำให้ชื่อของเปอโยต์ได้รับความนิยมอย่างมากและเอาชนะใจผู้คนทั่วโลกได้ด้วยการออกแบบอย่างมีสไตล์ สมรรถนะที่วางใจได้ และนวัตกรรมต่างๆ ของรถเปอโยต์