ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใหม่ ถูกเสริมความเป็นสปอร์ตพรีเมียม ด้วยการออกแบบที่ยกระดับความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากขึ้นด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน ทำให้คนที่ชอบรถแต่งจากโรงงานด้วยมาตรฐานของชิ้นส่วนและความเรียบร้อยแบบไม่ขาดไม่เกินคงจะโดนใจรถรุ่นนี้
สำหรับฮอนด้า ซีวิคถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกๆที่ถูกนำเข้ามาขายในตลาดเมืองไทยเคียงคู่กับแอคคอร์ดตั้งแต่ยุค 70 ด้วยรูปแบบของรถซีดาน 4 ประตูตัวถังเหลี่ยม ในรุ่นแรกนั้นได้สร้างความประหลาดใจให้กับรถที่ดูเล็กแต่กลับรู้สึกกว้างเมื่อเข้าไปนั่งข้างใน หลังจากนั้นฮอนด้าก็เริ่มทำการเพิ่มรุ่นให้กับซีวิค ด้วยตัวถัง 3 และ 5 ประตูกับโฉมเตารีดในช่วงปี 92-มีการขายใบจองทำกำไรกับรถรุ่นนี้เพราะผลิตออกมาไม่ทันกับความต้องการของลูกค้าชาวไทย
ถัดมาฮอนด้าก็นำโฉมคูเป้มาเพิ่มทางเลือกให้กับ ซีวิค ตาโตช่วงประมาณปี 98- 99 รถยนต์รุ่นนี้อาจจะไม่โด่งดังเท่ากับซีวิค 3 ประตูเพราะได้แต่ความหล่อกำลังของเครื่องยนต์เท่าเดิม แต่ถึงยอดขายจะน้อยแต่ก็กลายเป็นรถเก็บสำหรับคนเล่นรถในยุคนี้ไปแล้ว แต่ฮอนด้าไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นยังเพิ่มความรถแรงเข้าไปอีกเมื่อมีการเปิดตัวซีวิค 5 ประตูในรูปโฉมที่แตกต่างกันออกไปโดยเน้นความเป็นสปอร์ต จึงวางตำแหน่งเอาไว้เป็นรุ่นสูงสุดของกลุ่ม
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก มาพร้อมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและหรูหรา เสริมสปิริตความสปอร์ตให้โดดเด่นและดุดันยิ่งขึ้นด้วยกันชุดแต่งชนหน้า-หลังแบบสปอร์ต ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน และท่อไอเสียแบบคู่ตรงกลางสไตล์สปอร์ต และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว อีกทั้งไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED เอกลักษณ์เฉพาะของซีวิคที่ทำให้ ซีวิค แฮทช์แบ็กเป็นยนตรกรรม 5 ประตูที่โฉบเฉี่ยวโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ในปัจจุบันตลาดรถ 5 ประตูได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเพราะประโยชน์ใช้สอยที่มีมากกว่า แต่ถ้าเป็นรุ่นท้ายตัดก็อาจจะสูญเสียความลู่ลมลงไปบ้าง ทางฮอนด้าจึงเลือกด้านท้ายที่ลาดมาใช้งานแทน หน้าตาอาจจะไม่ต่างไปจากซีวิค รุ่นซีดาน แต่ด้านท้ายจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เมื่อฮอนด้าเน้นความเป็นสปอร์ตจึงออกแบบหลังคารถให้โค้งลาดลงมาจดท้ายเพื่อให้อากาศไหลผ่านได้คล่อง แล้วเพิ่มสปอยเลอร์เข้าไปถึงสองชิ้น โดยชิ้นบนอยู่ตรงหลังคา ส่วนชิ้นล่างจะอยู่ตรงไฟท้ายเพื่อลดอากาศหมุนบนส่งท้ายรถเพื่อให้ได้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอยู่ในระดับต่ำ
สิ่งที่สร้างความแตกต่างได้ชัดเจนคงจะหนีไม่พ้นกันชนโดยเฉพาะกันชนหลังที่มีดิฟฟิวเซอร์เป็นครีบช่วยบังคับทิศทางลม มาพร้อมท่อไอเสียแบบคู่อยู่ตรงกลางสไตล์สปอร์ต และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมขึ้นไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งดีไซน์สปอร์ตใหม่แบบ RS ด้วยเบาะหนังสีดำเดินด้ายสีแดง
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT สีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต มาพร้อมกับการตกแต่งคอนโซลสีดำแบบ Piano Black ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ที่สามารถสั่งการได้จากระยะไกล เพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง
ยังคงยังไว้ซึ่งความสะดวกสบายและกว้างขวางสำหรับคนที่นั่งตรงเบาะหลัง ที่สามารถเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายที่เบาะหลังสามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ความจุในการเก็บสัมภาระ
เมื่อเปิดฝาท้ายขึ้นมาก็ยังสามารถรองรับการเก็บสัมภาระเยอะๆได้กับความสูง 960 มิลลิเมตรและกว้าง 1,120 มิลลิเมตร เมื่อต้องเก็บสัมภาระอันมีค่าไว้ตรงท้ายรถที่เปิดโล่งไม่เหมือนกับรุ่นซีดานที่มีสัดส่วนถูกปกปิดมิดชิด ทางฮอนด้าจึงออกแบบแผ่นปิดห้องเก็บของที่ใช้การดึงออกมาจากทางด้านข้างสามารถเลือกปิดเก็บได้ทั้งซ้ายและขวา แทนที่จะดึงออกมาตรงๆจากทางด้านหน้าแบบรถ 5 ประตูที่ทั่วไป
การออกแบบให้เป็นรถยนต์ 5 ประตูท้ายลาดนั้นส่งผลดีกับการทรงตัวในทุกช่วงความเร็ว ช่วงล่างหนึบ สามารถทรงตัวได้ดีทั้งทางตรงและทางโค้ง ช่วงล่างนั้นไม่ต่างไปจากรุ่นซีดาน มากนักแต่ทางวิศวกรได้ทำการปรับสปริงด้านหลังให้มีความแข็งขึ้นเพื่อรองรับกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
เมื่อฮอนด้าวาง ซีวิค 5 ประตูไว้ในระดับบนจึงออกแบบให้เป็นรถที่มีสมรรถนะสูงขับสนุกทรงตัวได้ดี แขนปีกนกล่างจึงถูกเชื่อมต่อกับซับเฟรมและตัวถังผ่านบูช ไฮโดรลิค จึงช่วยลดการสั่นและความกระด้างรวมไปถึงเสียงรบกวนจากถนนได้เป็นอย่างดี เมื่อลองทำความเร็วดูในระดับ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะรู้สึกถึงความนิ่งของตัวรถ ทำให้ดูเหมือนกับการใช้ความเร็วไม่สูงนัก เป็นผลมาจากการนำชีวิตไปทดสอบบนเส้นทางออโตบาร์นในเยอรมนีเพื่อออกแบบให้เป็นรถยนต์ที่มีสามารถขับด้วยความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี
บวกกับขุมพลังจากเครื่องยนต์ฉีดตรงขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่รีดพลังออกมาได้อย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งของเทคโนโลยีเอิร์ธดรีมที่ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที จากเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ให้สมรรถนะการขับขี่เทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ซีวีที รุ่นใหม่ที่ใช้สายพานโลหะขับเคลื่อน โดยมีพูเล่ที่มีหน้าสัมผัสแบบเอียงสายพานจึงมีพื้นที่สัมผัสมากกว่าสายพานทั่วไปทำให้หมุนได้อย่างต่อเนื่อง อัตราเร่งที่ได้มาจึงเป็นแบบสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ เมื่อกดคันเร่งลงไปรอบเครื่องยนต์จะขึ้นไปอยู่แถวๆ 3,000 รอบต่อนาทีก่อนที่จะลดลงมา หากกดหนักๆจะอยู่ที่ 4,000 รอบต่อนาทีทำให้ไม่รู้สึกรำคาญกับรอบเครื่องยนต์ขึ้นสูงแบบเกียร์ซีวีทีรุ่นเก่าๆ เมื่อรอบการเปลี่ยนเกียร์ไม่สูงความประหยัดก็ตามมา อายุของเครื่องยนต์ก็จะอยู่ได้นานขึ้น ที่ระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเครื่องยนต์ทำงานแค่1,650 รอบต่อนาทีเท่านั้นเอง จึงได้ความประหยัดมากขึ้นเมื่อต้องใช้งานเดินทางไกลโดยเฉลี่ยที่ทำได้อยู่ที่16.4กม./ลิตร