หลังประสบความสำเร็จจากการมีบทบาทในการแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ‘โมโตจีพี’ (MotoGP) และการแข่งรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ‘โมโตอี’ (MotoE) การรับหน้าที่เป็นผู้จัดหายางเพียงรายเดียวสำหรับการแข่งขัน WorldSBK ถือเป็นก้าวสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ที่จะช่วยเสริมสร้างฐานตลาดโลกของกลุ่มมิชลินในแวดวงการแข่งรถจักรยานยนต์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งยังสอดคล้องตามแนวทางที่มุ่งนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจากสนามแข่งระดับพรีเมียร์มาต่อยอดใช้งานในการแข่งขันระดับชิงแชมป์โลกซึ่งรถจักรยานยนต์ที่ลงแข่งได้รับการดัดแปลงมาจากรุ่นที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทั่วไป (Production Models)มิชลินประกาศความพร้อมเป็นผู้จัดหายางเพียงรายเดียวสำหรับการแข่งรถจักรยานยนต์ระดับซูเปอร์ไบค์ชิงแชมป์โลกรายการ FIM Superbike World Championship (WorldSBK) ทุกกลุ่มประเภท ตั้งแต่ปี 2570 ถึงปลายปี 2574
แมทธิว โบนาร์เดล (Matthieu Bonardel) ผู้อำนวยการของ ‘มิชลิน มอเตอร์สปอร์ต’ เปิดเผยว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่การมีบทบาทในรายการแข่งรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์ระดับโลกจะเกิดขึ้นได้เร็วตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป การแข่งขัน WorldSBK มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการส่งเสริมให้เทคโนโลยีของเราตอบโจทย์ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งบนสนามแข่งและท้องถนนทั่วไปได้อย่างตรงใจมากขึ้น ผู้ชมการแข่งขันรายการนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ชื่นชอบการแข่งรถและเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ประเภทซูเปอร์สปอร์ต เราจึงตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจจากการรับชมการแข่งขันที่มีคุณภาพสูงด้วยการสนับสนุนยางที่ให้สมรรถนะโดดเด่น”
การรับหน้าที่เป็นผู้จัดหายางเพียงรายเดียวสำหรับการแข่ง WorldSBK ตอกย้ำความมุ่งมั่นของมิชลินที่จะพัฒนายางให้มีสมรรถนะสูง แข็งแกร่ง และเข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากรถจักรยานยนต์ที่ลงสนามแข่ง WorldSBK ดัดแปลงมาจากรุ่นที่วางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขันรายการนี้จึงสามารถถ่ายทอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ยางรุ่นอื่นๆ ที่มุ่งเจาะกลุ่มผู้ชื่นชอบรถจักรยานยนต์ทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อต้นทศวรรษ 2000 (ช่วงปี 2543-2546) มิชลินประสบความสำเร็จในการแข่งขัน WorldSBK ด้วยการครองตำแหน่งแชมป์ถึง 12 สมัยจากการแข่งขันแบบเปิดให้รถทุกประเภทเข้าร่วม (Open Competition) การกลับเข้ามามีบทบาทในการแข่งขันรายการนี้อีกครั้งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของแบรนด์ที่มุ่งขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์นักบิดทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ การที่มิชลินเข้ามามีส่วนร่วมในการแข่งขัน WorldSBK ยังเอื้อประโยชน์ต่อผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ ทีมนักแข่ง และนักแข่ง เนื่องจากมิชลินมีความเชี่ยวชาญขั้นสูงในด้านการแข่งรถจักรยานยนต์ ทั้งยังมีความสามารถที่โดดเด่นในการผสานสมรรถนะเชิงกีฬาเข้ากับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีทีมงานฝ่ายเทคนิค ฝ่ายพัฒนา และฝ่ายวิเคราะห์สมรรถนะ ที่ทุ่มเทเพื่อความเป็นเลิศ
