บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด นำโดยนาย โทชิฮิโระ มิเบะ ผู้อำนวยการ ประธานกรรมการบริหาร และตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร แถลงแนวทางการดำเนินธุรกิจของฮอนด้า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นที่การขับเคลื่อนด้วยยานยนต์ไฟฟ้า โดยมีข้อสรุปดังนี้ ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง ผนวกกับความไม่แน่นอนทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากหลายปัจจัย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมที่เป็นพื้นฐานสำหรับการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานอย่างแพร่หลาย ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าของประเทศต่าง ๆ ฮอนด้า จึงจำเป็นต้องสร้างคุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้า เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวน และไม่ใช่เพียงเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า แต่ยังผนวกการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้วย เพื่อนำเสนอคุณค่าเหล่านั้นไปยังลูกค้าในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น พร้อมเข้าถึงได้ง่ายและจับต้องได้โดย ฮอนด้า จะปรับกลยุทธ์ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ 2 ทิศทาง คือ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (HEV) ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ และเสริมรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง ผ่านการปรับพอร์ตโฟลิโอด้านระบบขับเคลื่อนใหม่ อีกทั้งเตรียมพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS) เจเนอเรชันใหม่ พร้อมผนวกความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจรวมถึงปรับแผนเปิดตัวรถใหม่ เนื่องด้วยการชะลอตัวของตลาด EV ทั่วโลกที่ส่งผลให้เป้าหมายสัดส่วนยอดขาย EV ทั่วโลกของฮอนด้าในปี 2030 อาจต่ำกว่าเป้าหมาย 30% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยนับจากนี้จะเน้นขุมพลังไฮบริด เป็นหลักในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่ที่จะเปิดตัวตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป พร้อมเร่งขยายไลน์อัปไฮบริดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการปรับแนวทางนี้ ฮอนด้า ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายในปี 2030 ให้มากกว่าระดับปัจจุบันที่ 3.6 ล้านคัน โดยมีเป้าหลักอยู่ที่ยอดขายรถยนต์ไฮบริด (HEV) ที่ 2.2 ล้านคัน
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรถยนต์ ผ่านการพัฒนาและประยุกต์ใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เจเนอเรชันใหม่อย่างแพร่หลาย
- ฮอนด้า อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เจเนอเรชันใหม่ ที่สามารถช่วยในการขับขี่ได้ เช่น การเร่งและการบังคับเลี้ยวตลอดเส้นทาง ตามจุดหมายที่ผู้ขับขี่ป้อนลงในระบบนำทางไม่ว่าจะขับบนทางด่วนหรือถนนในเมือง ผ่านการต่อยอดองค์ความรู้ที่สั่งสมจากการพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ
- โดยฮอนด้ามีแผนในการติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) เจเนอเรชันใหม่ ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถไฮบริด (HEV) รุ่นหลัก ๆ ที่เตรียมเปิดตัวในอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น ในปี 2027
- สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีนที่มีการเติบโตของเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่างก้าวกระโดด ฮอนด้า มีแผนที่จะทำงานร่วมกับ Momenta Global Limited ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของจีนที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ เพื่อพัฒนา ADAS รุ่นถัดไปที่เหมาะสมกับสภาพถนนในประเทศจีน และติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นที่จะเปิดตัวในประเทศจีนในอนาคต
เสริมแกร่งกลยุทธ์ EV
- ฮอนด้า มุ่งพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฮบริด e:HEV ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้เป็นระบบขับเคลื่อนที่มีความก้าวหน้าในแง่มุมต่าง ๆ โดยพัฒนาต่อยอดบนระบบไฮบริด 2 มอเตอร์เดิม ผนวกเข้ากับ
1) การพัฒนาแพลตฟอร์มเจเนอเรชันใหม่ที่ล้ำสมัย มีเสถียรภาพในการขับขี่และน้ำหนักที่ลดลง และ
2) ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อ (Electric AWD) ที่พัฒนาใหม่ ที่มอบการควบคุมที่แม่นยำและการตอบสนองของมอเตอร์ที่ทันใจ
- ตั้งเป้าพัฒนาระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เจเนอเรชันใหม่ ให้มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้น 10% รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนให้กับรถไฮบริด (HEV) ของฮอนด้า และปรับต้นทุนของระบบฯ ลง 50% เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดที่ติดตั้งในรถยนต์ที่เปิดตัวรุ่นปี 2018 และลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับระบบไฮบริดที่ติดตั้งในรถยนต์ที่เปิดตัวในปี 2023 ในรุ่นปัจจุบัน
- สำหรับตลาดอเมริกาเหนือที่เป็นตลาดหลักของรถไฮบริด (HEV) ฮอนด้า มีแผนที่จะพัฒนาระบบไฮบริดสำหรับรถขนาดใหญ่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดนี้ โดยเตรียมที่จะติดตั้งในรถที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังของทศวรรษ 2020
- มีแผนเปิดตัวรถไฮบริด (HEV) เจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า รวมทั้งหมด 13 รุ่นทั่วโลก ภายในระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2027 เพื่อขยายไลน์อัปไฮบริด (HEV) ให้ครอบคลุมและตอบรับกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แนวคิดของฮอนด้า ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่ง EV อย่างเต็มรูปแบบ
- ฮอนด้า คาดว่าเป้าหมายสัดส่วนยอดขาย EV ทั่วโลกของฮอนด้าในปี 2030 อาจลดลงต่ำกว่าเป้าที่ 30% ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า เนื่องด้วยการชะลอตัวของตลาด EV ทั่วโลก
- โดยยังคงเชื่อมั่นในแนวคิดว่ายานยนต์ไฟฟ้า (EV) คือหนทางสำคัญในการมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ดังนั้นฮอนด้า จะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการเตรียมรากฐานความพร้อมที่มั่นคงเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
- สำหรับไลน์อัป Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์) ที่นับเป็นเสาหลักของธุรกิจ EV ของฮอนด้าในอนาคต จะมีการเผยโฉมรถยนต์รุ่นแรกในไลน์อัปในปีหน้า ซึ่งฮอนด้า จะส่งมอบคุณค่า SDV (Software-Defined Vehicle) ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคนผ่านฟังก์ชัน “ultra-personal optimization” ผ่านการทำงานร่วมกันของระบบปฏิบัติการยานยนต์ ASIMO OS และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่/ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) ที่ได้นำเสนอไปในงาน CES 2025
- นอกจากนี้ Honda 0 Series เจเนอเรชันถัดไป จะมาพร้อมสถาปัตยกรรมยานยนต์แบบ Centralized E&E Architecture เพื่อมอบระบบ AD/ADAS ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น
บทสรุปการปรับกลยุทธ์ EV
- ฮอนด้า มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ ๆ ที่มีเอกลักษณ์ สอดรับกับยุคสมัยแห่งยานยนต์อัจฉริยะ และผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งมอบความสนุกสนานในการขับขี่ (Joy of Driving) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรถยนต์ฮอนด้า
- เตรียมใช้โลโก้ H Mark ดีไซน์ใหม่ ในรถไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า ที่จะเริ่มเปิดตัวสู่ตลาดในปี 2027 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าในไลน์อัป Honda 0 Series ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้า สะท้อนสัญญะแห่งการเปลี่ยนผ่านในธุรกิจยานยนต์ของฮอนด้า
ระบบการผลิตและการจัดสรรทรัพยากรด้านการผลิต
- มุ่งดำเนินงานตามกลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยเตรียมจัดทำระบบการผลิตที่มีความยืดหยุ่น ที่สามารถปรับการผลิตได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการและเป้าการขายได้ ผ่านการสร้างสายการผลิตที่สามารถผลิตได้ทั้ง EV และ HEV เพื่อรองรับกับการเติบโตของการจำหน่ายรถไฮบริดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าในระยะกลางถึงระยะยาว
- พร้อมจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานในแนวคิด “ผลิตสินค้าให้ใกล้ชิดลูกค้า” ซึ่งเป็นแนวคิดของ “การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น” เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานให้แข็งแกร่งขึ้น และสามารถรองรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดได้ในอนาคต