จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อรถใหม่น้อยลง จึงมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์มือสองจะเติบโตมากยิ่งขึ้นในปีนี้และปีต่อ ๆ ไป CARSOME แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนึ่งในผู้ให้บริการชั้นนำของตลาดรถยนต์มือสองในประเทศไทย นำเสนอ 5 เคล็ดลับสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองอย่างสบายใจ
เคล็ดลับที่ 1: ตั้งงบประมาณและคำนวณสินเชื่อสำหรับรถยนต์ที่คุณต้องการ
การกำหนดงบประมาณที่สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของคุณเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อรถยนต์มือสอง คุณจะสามารถเลือกซื้อรถยนต์มือสองที่ถูกใจได้จากตัวเลือกหลากหลายเมื่อมีการกำหนดงบประมาณที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น คุณตั้งงบประมาณไว้ไม่เกิน 450,000 บาท ตัวอย่างรุ่นและยี่ห้อรถยนต์ที่คุณจะพบได้บนเว็บไซต์ของ CARSOME ได้แก่ รถยนต์มิตซูบิชิ แอททราจ (Mitsubishi Attrage), โตโยต้า วีออส (Toyota Vios) และซูซูกิ เซียส (Sizuki Ciaz) เป็นต้น เพื่อช่วยให้สามารถวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้นลองใช้เครื่องคำนวณสินเชื่อบนเว็บไซต์ CARSOME ในการประเมินค่าผ่อนชำระรายเดือนที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ
เคล็ดลับที่ 2: ศึกษาข้อมูลรีวิวจากผู้ใช้งานจริง หรือปรึกษาเพื่อนที่มีประสบการณ์
ในยุคของโลกดิจิทัล ทุก ๆ ข้อมูลสามารถหาได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส มีแพลตฟอร์มมากมายบนโลกออนไลน์เช่น CARSOME ที่ให้บริการซื้อ–ขายรถยนต์มือสองโดยที่คุณไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน
เคล็ดลับที่ 3: ตรวจสอบอายุรถยนต์และประวัติการใช้งาน
การกำหนดอายุรถยนต์มือสองเป็นข้อสำคัญที่ต้องทำพอ ๆ กับการกำหนดงบประมาณในการซื้อรถยนต์ โดยบนเว็บไซต์ www.carsome.co.th คุณสามารถกำหนดปีเพื่อกรองดูรถที่อยู่ในช่วงอายุที่คุณรับได้ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องทราบว่าอายุการใช้งานรถยนต์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาเช่นเดียวกัน ก่อนเลือกซื้อรถยนต์มือสอง ควรตรวจสอบประวัติรถยนต์ให้ดีเสียก่อน โดยทั่วไป รถยนต์มือสองที่วางขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดได้ มักมีประวัติด่างพร้อย แต่ที่ CARSOME คุณสามารถซื้อรถยนต์มือสองได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากรถยนต์มือสองทุกคันของเราผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและรับรองว่าไม่เคยผ่านอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วมมาก่อน
เคล็ดลับที่ 4: ตรวจสอบสภาพรถยนต์ทั้งภายนอก ภายใน และส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์
ตรวจสอบสภาพรถยนต์เพื่อหารอยบุบ รอยกระแทก หรือรอยตำหนิต่างๆของรถยนต์ที่คุณต้องการจะซื้อ เนื่องจากจุดบกพร่องใดๆ ก็ตามอาจทำให้คุณต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมแก้ไข หากคุณสังเกตเห็นร่องรอยความเสียหายที่เจ้าของรถยนต์ไม่เต็มใจจะแก้ไขให้ คุณสามารถใช้จุดนี้ในการต่อรองราคาได้ ในการตรวจสอบสภาพรถยนต์ คุณสามารถสังเกตสิ่งต่าง ๆ ตามนี้ ได้แก่ไฟสูงและต่ำ ไฟตัดหมอก และไฟฉุกเฉิน แอร์ แตรรถ เครื่องเสียงวิทยุและแผ่นซีดี หรือหน้าจอสัมผัส ที่จับประตูรถยนต์และช่องเก็บของ สวิตช์กระจก และกระจกด้านข้าง เต้ารับ 2.4V หรือหัวเทียน ถังน้ำมัน ฝากระโปรงหน้า และท้ายรถ เข็มขัดนิรภัยและตัวปรับเบาะนั่ง ไฟแสดงสถานะรถยนต์ ยางรถสำรอง และกล่องเครื่องมือ
เมื่อคุณพอใจกับสภาพภายนอกและภายในของรถยนต์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบเครื่องยนต์ หากคุณไม่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเกี่ยวกับเครื่องยนต์มากนัก อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากช่างที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการตรวจสอบด้วยตัวเอง คุณสามารถตรวจสอบเบื้องต้นตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ ตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน ตรวจเช็กสภาพหม้อน้ำ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการเปิดฝาหม้อน้ำเพื่อตรวจสอบสภาพสีของน้ำ ตรวจสอบสายเชื่อมต่าง ๆ ว่า มีความเสียหาย หรือมีการเชื่อมต่อหรือไม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนประกอบใดของรถยนต์ที่ถูกถอด ชำรุด หรือทำให้เสียหายตรวจสอบน้ำมันเครื่อง
เคล็ดลับที่ 5: ตรวจสอบว่าสามารถทดลองขับรถได้หรือไม่
ก่อนจะตัดสินใจคุณควรจะได้ทดลองขับรถที่คุณกำลังจะซื้อก่อน ซึ่งจะทำให้คุณได้รับความพึงพอใจและสามารถตัดสินใจได้ว่าจะซื้อรถยนต์คันนั้นหรือไม่หลังจากที่ได้ลองขับจริง และข้อแนะนำในการตรวจสอบเมื่อทดลองขับรถยนต์มีดังนี้ ทดสอบเบรครถยนต์ ว่ามีเสียงแปลก ๆ หรือไม่ เมื่อทำการเบรก ทดสอบพวงมาลัยขณะเลี้ยว (หักเลี้ยวหรือเลี้ยวปกติ) คอยฟังว่ามีเสียงแปลก ๆ จากพวงมาลัยหรือไม่เวลาเลี้ยว ทดลองขับในสภาพพื้นที่ไม่เรียบ เพื่อเป็นการตรวจสอบยาง ช่วงล่าง และเกียร์ของรถยนต์ ขับด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน เพื่อทดสอบเครื่องยนต์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเกียร์ของรถสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ธรรมดา
