แชฟฟ์เลอร์ ผู้นำด้านการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อน พร้อมยกระดับการบริการให้ครอบ คลุมทั่วเอเชียแปซิฟิก ประกาศเปิดศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าอะไหล่ทดแทนยานยนต์ (Central Logistics Center) แห่งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทนของแชฟฟ์เลอร์ (Schaeffler Vehicle Lifetime Solutions) โดยศูนย์ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ที่อำเภอ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยได้รับเกียรติจากนายเอียนส์ ชูเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Vehicle Lifetime Solutions) ประจำกลุ่มบริษัท แชฟฟ์เลอร์ และพันธมิตรทางธุรกิจจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมงาน เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่นี้
นายเอียนส์ ชูเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Vehicle Lifetime Solutions) ประจำกลุ่มบริษัทแชฟฟ์เลอร์ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าของฝ่ายอะไหล่ทดแทนยานยนต์ในประเทศไทยแห่งใหม่นี้ มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการวางแผนและควบคุมกระบวนการทั้งหมดในด้านคุณภาพ การดำเนินงาน การบำรุงรักษาและการจัดการสถานที่ และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร และมีพนักงานของ แชฟฟ์เลอร์ทำงานในหน้าที่หลัก ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ห่างจากโรงงานแชฟฟ์เลอร์ จังหวัดชลบุรีเพียง 21 กิโลเมตร โดยศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ โลจิสติกส์และเพิ่มความสามารถในการจัดส่งสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
แชฟฟ์เลอร์ วันโค้ด เป็นโซลูชั่นที่แชฟฟ์เลอร์ได้พัฒนาด้านการบริการที่สนับสนุนอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการซ่อมรถทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการซ่อมบำรุง เพียงสแกนคิวอาร์ โค้ด (QR code) ระบบจะนำกลุ่มลูกค้าหรือผู้ใช้งานไปยังหน้าผลิตภัณฑ์ในแคตตาล็อกสินค้าออนไลน์ของแชฟฟ์เลอร์ หรือแอปพลิเคชัน เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด (REPXPERT app) โดยตรง การลงทะเบียนหรือมีบัญชีเร็พ เอ็กซ์เพิร์ด (REPXPERT account) จะช่วยให้ช่างซ่อมรถหรือผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ล่าสุดเกี่ยวกับโซลูชั่นการซ่อมฯ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคำแนะนำในการติดตั้งและการซ่อมฯ ทีละขั้นตอนในรูปแบบดิจิทัล เพื่อประหยัดเวลาในการค้นหา นอกจากนี้ แชฟฟ์เลอร์ วันโค้ด ยังสามารถใช้ในการตรวจสอบอะไหล่แท้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจและอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการซ่อมรถจากสินค้าที่ปลอมแปลงหรือไม่ได้มาตรฐาน อีกด้วย