เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมาบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดได้เปิดตัวฮอนด้า “ซีอาร์-วี ใหม่” ในเมืองไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียโดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น แบ่งออกเป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่น DT-EL 4WD7 ที่นั่งราคา 1,759,000 บาทและเครื่องยนต์เบนซินรุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,579,000 บาท รุ่น 2.4 E7 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท เครื่องยนต์เบนซินรุ่น 2.4 ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาท เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S 5 ที่นั่ง ราคา 1,369,000 บาท
มีการเปลี่ยนแปลงด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูหรูหราให้แข็งแกร่งในทุกมุมมอง โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคมมาพร้อมล้ออัลลอยด์ดีไซน์สปอร์ตใหม่ขนาด 18 นิ้ว
ไฟหน้าเป็นแบบ FULL LED มาพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light – DRL) พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential เสริมอารมณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่
ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำและไฟท้ายแบบ FULL LED รมดำ กันชนท้ายอยู่สูงจากพื้นเยอะทำให้ผ่านอุปสรรคได้ง่ายสไตล์รถขับเคลื่อนสี่ล้อ
พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์และทุกการใช้งาน ด้วยฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี สะดวกสบายด้วยการควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมท และปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ
ภายในกว้างขวางสะท้อนความหรูหราด้วยแผงคอนโซลขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยลายไม้ให้ความรู้สึกในการสัมผัสธรรมชาติที่ใกล้ชิดมากขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออันล้ำสมัย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบนำทางเนวิเกเตอร์
ในรุ่น 2.4 ES 4WD จะได้เบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง ดีไซน์ทุกพื้นที่การใช้งานได้อย่างคุ้มค่าด้วยเบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมด้วยช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับการใช้งานได้ถึง 3 แบบ
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ทำให้ไม่เสียเวลาในการปรับเบาะเมื่อมีคนอื่นมาใช้รถร่วมกัน
ตอกย้ำความพรีเมียมเหนือระดับด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ One-Touch
ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติควบคุมด้วยรีโมท กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา i-Dual Zone)
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ควบคุมทุกการสั่งงานได้อย่างง่ายดายผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น
ด้วยการวางเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่งจึงทำให้เหลือพื้นที่เก็บสัมภาระเยอะ จึงรองรับในการใช้งานเป็นรถที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ใต้พื้นห้องเก็บของก็ยังมียางอะไหล่เก็บไว้ด้วย
มาพร้อมขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เป็นเครื่องยนต์ที่จับคู่ได้อย่างลงตัวทำให้อัตราเร่งมาอย่างต่อเนื่อง
ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ติดตั้งคันเกียร์ไว้บนแผงคอนโซลให้การตอบสนองที่ทันใจ รอบเครื่องยนต์ที่ใช้ไม่สูงทำให้ประหยัดเมื่อเดินทางด้วยความเร็วคงที่ ไม่รู้สึกว่าขับรถเกียร์ CVTอยู่ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85 และ E20 มั่นใจในการใช้งานกับระบบขับเคลื่อนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD