• News
  • Newcar
  • Review
  • Worldcar
  • Usedcar
  • Motorcycle
  • History
  • Knowledge
Trending
  • “เป๊ปซี่โค” ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่กับ “ฟอร์มูล่า วัน”
  • Gebrüder Weiss ขยายเครือข่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง
  • คอนติเนนทอล สานต่อกิจกรรม Continental CSR Skill Driving 2025
  • เบนท์ลีย์ แบงค็อกเชิญเหล่าซิตี้ไลฟ์สไตล์สัมผัสเสน่ห์แห่งอัครยนตรกรรม ณ ห้างเอ็มโพเรียม
  • ค็อกพิทจัดโปรโมชันครั้งใหญ่ “COCKPIT MID YEAR GRAND SALE”
  • ฮุนไดฉลองเดือนแห่ง Pride ชวน Riety
  • “แบมบู เรซซิ่ง” ทีมแข่งฮ่องกงรั้งจ่าฝูงวันแรกจีที เวิลด์
  • ตลาดเครื่องยนต์เรือสะเทือน สแกนเนียจับมือ ฟิวเจอร์ พาวเวอร์ โซลูชั่นส์
วันอาทิตย์, 1 มิถุนายน
  • ติดต่อเรา : 0819134292
  • อีเมล์ : aphichaik@hotmail.com
ข่าวรถยนต์ ข่าวยานยนต์
  • News
  • Newcar
  • Review
  • Worldcar
  • Usedcar
  • Motorcycle
  • History
  • Knowledge
ข่าวรถยนต์ ข่าวยานยนต์
History

ย้อนอดีตของเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ ของลัมโบร์กินีก่อนก้าวสู่ยุคไฮบริด

By adminกุมภาพันธ์ 6, 20232 Mins Read

Sant’Agata Bolognese – เครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ ถือเป็นหัวใจสำคัญของลัมโบร์กินีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 ซึ่งในความเป็นจริงนั้น จวบจนปัจจุบันมีการผลิตเครื่องยนต์ V12 เพียงแค่ 2 รุ่นที่ถูกวางอยู่ในรถซูเปอร์สปอร์ตคาร์ โดยรุ่นแรกเป็นเครื่องยนต์พื้นฐานสำหรับรถแข่งที่ “ถูกปรับแต่ง” สำหรับใช้วิ่งบนท้องถนนซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของจิอ็อตโต้ บิซซารินี (Giotto Bizzarrini) และเปิดตัวครั้งแรกในรถยนต์ลัมโบร์กินีรุ่นแรกอย่าง 350 GT ส่วนเครื่องรุ่นที่สองถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดแต่ยังคงยึดแนวคิดเชิงเทคนิคแบบเดิม ติดตั้งครั้งแรกในรถยนต์ตระกูล Aventadorและเปิดตัวในปี ค.ศ. 2011 ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญของบริษัท ตลอดจนการสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านกำลังเครื่องและประสิทธิภาพที่มั่นใจได้

เครื่องยนต์รุ่นแรกได้ผ่านการปรับแต่งและการพัฒนาต่อยอดประสิทธิภาพมาโดยตลอด เพื่อเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น และต่อมายังคำนึงถึงเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยไอเสียร่วมด้วย ซึ่งช่วงเวลาระหว่างปี ค.ศ. 1963-2010 เครื่องยนต์รุ่นนี้ถูกวางในหลายตำแหน่งของตัวรถยนต์ โดยในครั้งแรกถูกวางบริเวณด้านหน้าของรถยนต์ในรุ่น 350 GT, 400 GT และ Espada โดยได้รับการพัฒนาให้ใช้วัสดุอะลูมิเนียมในส่วนฝาสูบ ข้อเหวี่ยง และลูกสูบ เพื่อลดน้ำหนักให้เหลือเพียง 232 กก. ต่อมาถูกวางหลังคนขับบริเวณกลางตัวรถโดยหมุนแกน 90 องศาตามแนวขวางในรถยนต์ตระกูล Miura และต่อมาถูกหมุนอีก 90 องศา โดยวางกลางตัวถังส่วนท้ายตามแนวยาว โดยเริ่มใช้ในรถยนต์ตระกูล Countachเพื่อเพิ่มสมดุลของการกระจายน้ำหนักให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อเครื่องยนต์ถูกพัฒนาให้มีความจุมากขึ้นจาก 3.5 ลิตรในรุ่น 350 GT เป็น 6.5 ลิตรในรุ่น Murciélagoจึงยิ่งจำเป็นต้องลดน้ำหนักลง ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงริเริ่มใช้วัสดุและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อลดน้ำหนักของเครื่องยนต์บนโครงแชสซี จวบจนในวันนี้ เครื่องยนต์ V12 ยังคงเป็นหัวใจสำคัญทั้งในรถยนต์ Aventador, Siánและ Countach LPI 800-4 ของลัมโบร์กินี รวมถึง Essenza SCV12 รถสปอร์ตเจ้าสนามที่ให้กำลังเครื่องสูงถึง 830 แรงม้า

นับตั้งแต่เริ่มต้น เครื่องยนต์ V12 ถูกยกย่องให้เป็นขุมพลังที่มีความประณีตและยอดเยี่ยมที่สุด ซึ่งได้รับกระแสตอบรับมากยิ่งขึ้นเมื่อนำมาวางในรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของลัมโบร์กินี โดยบิซซารินีรังสรรค์เครื่องยนต์ V12 เพียงเพื่อสร้างโอกาสให้บริษัทสามารถก้าวเข้าสู่โลกของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต ทว่า เฟอร์รุชโช ลัมโบร์กินี (Ferruccio Lamborghini) กลับนำมาทำเป็นเครื่องยนต์สำหรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ จนกลายเป็นเรื่องราวแห่งยนตรกรรมอันน่าหลงใหลที่สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

หลังจากใช้ในรถยนต์ 350 GT และรุ่นต่อยอดอื่น ๆ เครื่องยนต์ V12 จึงได้ถูกนำมาวางไว้ในรถยนต์ Miura ในปี 1966 และ Countachในปี 1971 รวมถึง Diablo ในปี 1990 ก่อนที่จะถูกใช้ในรถยนต์รุ่นสุดท้ายคือ Murciélagoเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะรอบด้านอย่างเด่นชัด เมื่อทีมวิศวกรได้ออกแบบเครื่องยนต์ในเวอร์ชันความจุ 5.2 ลิตรสำหรับใช้ในซูเปอร์เอสยูวีรุ่นแรกของลัมโบร์กินีอย่าง LM 002 ในปี 1986 และต่อมามีการผลิต LM 002 เวอร์ชั่นพิเศษซึ่งเป็นเครื่องยนต์ V12 ขนาด 7.2 ลิตร ที่ให้กำลังเครื่องถึง 700 แรงม้า ซึ่งโดยปกติจะใช้ใน   เรือยนต์สำหรับการแข่งขันนอกชายฝั่งเท่านั้น

ด้วยการคิดค้นเพลาลูกเบี้ยวคู่ ซึ่งเป็นการออกแบบเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์เป็นครั้งแรก ช่วยเพิ่มมุมองศารูปตัว “V” ของเครื่องและทำให้ได้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง โดยเลือกติดตั้งเครื่องยนต์แนวขวางบริเวณกลางส่วนท้ายของรถยนต์ Miura เพื่อให้มีการกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้นและทำให้ระยะช่วงล้อสั้นลง โครงของกระปุกเกียร์และเฟืองท้ายยังถูกผสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบส่งกำลัง เพื่อช่วยให้การประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยรวมของซูเปอร์สปอร์ตคาร์ระดับตำนานนี้มีความกะทัดรัดและมั่นคงยิ่งขึ้น

ด้วยความมุ่งมั่นยกระดับประสิทธิภาพการกระจายน้ำหนักในรถยนต์รุ่น Countachทำให้ทีมนักออกแบบเลือกใช้เครื่องยนต์แบบเดิมแต่เปลี่ยนตำแหน่งติดตั้งมาเป็นบริเวณกลางท้ายตัวถังและหมุนมุมเพิ่มอีก 90 องศา ซึ่งถือว่าเป็นการปรับมุมจากครั้งแรกในรุ่น 350 GT ไปถึง 180 องศาเลยทีเดียว โดยพวกเขาได้ติดตั้งกระปุกเกียร์ที่ด้านหน้าเครื่องยนต์ซึ่งในทางปฏิบัติก็คือ “อยู่ในห้องโดยสาร” นั่นเอง โดยในเวอร์ชั่นสุดท้าย เครื่องยนต์ของ Countachสามารถเพิ่มความจุได้ถึง 5.2 ลิตร และต่อมาเครื่องยนต์ V12 ใน Countachรุ่นปี 1986 ก็ได้รับการอนุมัติให้จำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ครั้งสำคัญนี้สำเร็จได้ด้วยการใช้ระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนำมาทดแทนการใช้คาร์บูเรเตอร์เพื่อให้สอดคล้องตามข้อกำหนดเรื่องการลดมลพิษที่เข้มงวดมากกว่าของตลาดแห่งนี้

การพัฒนาต่อยอดเครื่องยนต์ V12 เริ่มขึ้นในปี 1985 เพื่อเตรียมนำไปติดตั้งกับซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นใหม่อย่าง Diablo ซึ่งเปิดตัวในปี 1990 ด้วยความจุเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นไปที่ 5.7 ลิตรและให้กำลังเครื่องถึง 492 แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาที โดย Diablo เวอร์ชั่นVT ซึ่งเผยโฉมในปี 1993 กลายเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นแรกของลัมโบร์กินีที่นำเสนอเวอร์ชั่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ในขณะเดียวกัน Diablo SV-R ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้แข่งขันในรายการ Super Sport Trophy โดยเปิดตัวครั้งแรกในฐานะรถแข่งของรายการ 24 Hours of Le Mans ปี 1996 ซึ่งมีกองทัพรถยนต์ Diablo SV-R กว่า 32 คันเข้าร่วมแข่งขัน ถือเป็นโปรแกรมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ลัมโบร์กินีเคยเข้าร่วม ก่อนที่จะกลายเป็นรายการ Super Trofeo Championship ซึ่งเริ่มจัดครั้งแรกในปี 2009

Diablo GT รุ่นปี 1998 ซึ่งโดยพื้นฐานเป็น Diablo รุ่นแรกก่อนรุ่นที่สอง ซึ่งจะเปิดตัวในปี 1999 มีการอัปเกรดทางเทคนิคครั้งสำคัญของเครื่องยนต์ โดยส่วนสำคัญคือการใช้ลิ้นปีกผีเสื้อ (Throttle Body) สำหรับแต่ละกระบอกสูบ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มการตอบสนองของคันเร่ง การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องสำคัญราวกับการก้าวสู่อนาคตเลยทีเดียว หากมองว่าเทคโนโลยีรูปแบบคล้ายกันนี้ยังได้ถูกนำมาติดตั้งใน Huracán GT3 รุ่นใหม่ที่กำลังจะลงแข่งในปี 2023 เช่นกัน

เมื่ออาวดี้ (Audi) ซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในลัมโบร์กินี ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจึงได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเจ้าของรายใหม่ตระหนักดีว่าลัมโบร์กินีต้องการรักษาอัตลักษณ์และความโดดเด่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟเอาไว้ เมื่ออยู่ภายใต้เจ้าของรายใหม่ จึงมีการใช้แนวทางที่แตกต่างเพื่อพัฒนาต่อยอดเครื่องยนต์ V12 ซึ่งจากการพยายามเพิ่มกำลังเครื่องให้ได้สูงสุด ก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญในด้านประสิทธิภาพเชิงปริมาณเพื่อให้สอดคล้องตามกฎข้อบังคับที่เริ่มมีความเข้มงวดมากขึ้น ตัวอย่างหนึ่งคือรถยนต์ Murciélagoซึ่งเผยโฉมในปี 2001 ด้วยเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.2 ลิตร ที่ให้กำลังเครื่อง 580 แรงม้า และต่อมาได้รับการอัปเดตในปี 2007 เป็นเครื่องยนต์ความจุ 6.5 ลิตร และมอบกำลังเครื่องได้อย่างน่าประทับใจถึง 670 แรงม้าเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ตัวรถเบางลงได้ถึง 100 กก. รวมถึงมีการอัปเกรดเครื่องยนต์ในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ดรายปั๊ม ซึ่งช่วยให้ลัมโบร์กินีสามารถลดระยะระหว่างเพลาข้อเหวี่ยงและด้านล่างของตัวรถ จึงช่วยปรับปรุงการบังคับรถให้ดียิ่งขึ้นการพัฒนาเครื่องยนต์ V12 ในรถยนต์ Murciélagoทำให้ลัมโบร์กินีค้นพบตำแหน่งที่ชัดเจนของตัวเองภายในอาณาจักรของอาวดี้ และยิ่งไปกว่านั้นการตัดสินใจออกแบบเครื่อง V12 ใหม่ทั้งหมด ทำให้ทีมนักออกแบบของลัมโบร์กินีสามารถตั้งเป้าหมายใหม่และสร้างประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ในช่วงเวลา 45 ปีที่ผ่านมา

เครื่องยนต์ของ Aventadorเปิดตัวในปี 2011 มอบกำลังเครื่องยนต์ 690 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาทีด้วยความจุ 6.5 ลิตร ซึ่งต่อมาได้ถูกปรับแต่งสำหรับใช้กับรถยนต์รุ่น LP 700-4 ในปี 2013 รุ่น LP 750-4 ในปี 2015 และรุ่น Superveloceในปี 2016 และรุ่น SVJ ในปี 2019 ซึ่งกำลังเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 759 แรงม้า และต่อมาในปี 2021 กับรุ่น Ultimaeรถยนต์สำหรับท้องถนนรุ่นสุดท้ายในตระกูล Aventadorซึ่งมีกำลังเครื่องถึง 780 แรงม้า เครื่องยนต์รุ่นเดียวกันนี้ยังถูกติดตั้งใน Essenzaซึ่งใช้วิ่งในสนามแข่งเท่านั้นจึงไม่ได้ถูกจำกัดด้วยข้อกำหนดการวิ่งบนท้องถนน ซึ่งในการปรับแต่งครั้งนี้สามารถเพิ่มกำลังเครื่องเป็น 830 แรงม้า จึงนับเป็นความประทับใจใน  แวดวงวิศวกรรมยุคใหม่อย่างแท้จริง “การนำเสนอเครื่องยนต์ V12 รุ่นสูงสุดของเราอยู่ในรถยนต์ Essenza V12 นี่เอง ด้วยเครื่องยนต์แบบเดียวกันแต่สามารถมอบกำลังถึง 830 แรงม้าAventadorเป็นรถยนต์รุ่นสุดท้ายของลัมโบร์กินีที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศ ก่อนที่แบรนด์จะก้าวเข้าสู่ยุคเครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2023 นี้

Loading

Auto Automobile autowoke Car Car news Motor Sport news worldcar กีฬา ข่าวมอเตอร์ไซค์ ข่าวยานยนต์ ข่าวรถยนต์ ข่าวรถยนต์ต่างประเทศ ข่าวรถยนต์รอบโลก ข่าววงใน ข่าวอัพเดท ทดลองขับ ประวัติรถยนต์ รถมือสอง รถยนต์ รถยนต์รุ่นใหม่ รถใหม่ รถใหม่ป้ายแดง รีวิวรถยนต์ เปิดตัวรถยนต์ แข่งขัน แวดวงยานยนต์ โปรโมชั่น
Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
Previous Articleเรือยอทช์ Ferretti กำลังพัฒนา Infynito90 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักสำรวจ
Next Article ไทยฮอนด้าประกาศแผนมอเตอร์สปอร์ต 2023

Related Posts

“เป๊ปซี่โค” ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่กับ “ฟอร์มูล่า วัน”

พฤษภาคม 30, 2025

Gebrüder Weiss ขยายเครือข่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง

พฤษภาคม 30, 2025

คอนติเนนทอล สานต่อกิจกรรม Continental CSR Skill Driving 2025

พฤษภาคม 30, 2025

Comments are closed.

ค้นหาข่าวที่คุณสนใจ..

“เป๊ปซี่โค” ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่กับ “ฟอร์มูล่า วัน”

พฤษภาคม 30, 2025

Gebrüder Weiss ขยายเครือข่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง

พฤษภาคม 30, 2025

คอนติเนนทอล สานต่อกิจกรรม Continental CSR Skill Driving 2025

พฤษภาคม 30, 2025

เบนท์ลีย์ แบงค็อกเชิญเหล่าซิตี้ไลฟ์สไตล์สัมผัสเสน่ห์แห่งอัครยนตรกรรม ณ ห้างเอ็มโพเรียม

พฤษภาคม 30, 2025

ค็อกพิทจัดโปรโมชันครั้งใหญ่ “COCKPIT MID YEAR GRAND SALE”

พฤษภาคม 30, 2025

ฮุนไดฉลองเดือนแห่ง Pride ชวน Riety

พฤษภาคม 30, 2025

“แบมบู เรซซิ่ง” ทีมแข่งฮ่องกงรั้งจ่าฝูงวันแรกจีที เวิลด์

พฤษภาคม 30, 2025

ตลาดเครื่องยนต์เรือสะเทือน สแกนเนียจับมือ ฟิวเจอร์ พาวเวอร์ โซลูชั่นส์

พฤษภาคม 30, 2025

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า จัดเต็มยางล้อคุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำ ในราคาสุดคุ้ม!

พฤษภาคม 30, 2025

“ชิพ-นครินทร์” บิด Honda CBR1000RR-R 2025 ครองท็อป 3 ซ้อมแรก ARRC 2025 สนาม 2 ที่ มาเลเซีย

พฤษภาคม 30, 2025

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ปล่อยทีเซอร์ Bentayga ใหม่ พร้อมเผยโฉม 2 มิถุนายนนี้

พฤษภาคม 29, 2025

ไซลุน ไทร์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เดินหน้ารุกตลาดยางรถยนต์ไทยเต็มพิกัด

พฤษภาคม 29, 2025

คาราสติ พลิกโฉมวงการยานยนต์ในไทยด้วยโมเดล Car Subscription แบบครบวงจร

พฤษภาคม 29, 2025

โตโยต้าเปิดศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7

พฤษภาคม 29, 2025

AAS Motorsport คว้า “Double Winner” ในศึก TSS The Super Series by B-Quik 2025

พฤษภาคม 29, 2025
ติดต่อเรา
คุณอภิชัย ไกรนุกูล (APHICHAI KRAINUKOOL)
Email : aphichaik@hotmail.com
เบอร์โทร : 0819134292
ฝ่ายขายและโฆษณา
คุณจินตนา ภู่แย้ม
เบอร์โทร : 0819201264
Email : maew_jintana@hotmail.com
Photographer
คุณมนัส แช่มประสิทธิ์
เบอร์โทร : 0945455391

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.