การปล่อยซีรี่ส์ 2 ออกสู่ตลาดของค่ายบีเอ็มดับเบิลยู ถือเป็นการปฏิวัติของรถยนต์ของค่ายนี้ เพราะสร้างความแตกต่างไปจากรถรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการวางเครื่องยนต์ 3 สูบหรือเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่ได้ห้องโดยสารกว้างกว่ารถขับหลัง โดยโฉมแรกของซีรี่ส์ 2 มีการเปิดตัวในเมืองไทยด้วยกัน 3 รุ่น เริ่มจากคูเป้ ตามมาด้วยเอคทีฟทัวเรอร์และแกรนด์ทัวเรอร์
สำหรับGran Coupe M Sport นั้นเป็นรถยนต์ขับหน้าขนาดเล็กรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ ที่มาพร้อมกับคอนเซปต์คูเป้ 4 ประตู ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในรุ่นรถที่สูงกว่า เป็นครั้งแรกในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมคอมแพคต์ มอบอีกหนึ่งทางเลือกที่โก้หรูยิ่งขึ้นให้กับรถยนต์ซีดานรุ่นคลาสสิคนี้ พร้อมเติมเต็มกับรายละเอียดเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ตที่มีแนวหลังคาลาดต่ำและระยะฐานล้อทรงกว้าง พร้อมช่วงหน้าอันปราดเปรียวที่ ดูแปลกตาน่าค้นหากว่าเคย ส่วนไฟหน้าสี่ตาอันเป็นเอกลักษณ์ทำมุมเล็กน้อย เสริมความโดดเด่นให้กับกระจังหน้ารูปไตที่มาพร้อมกับซี่กระจังซึ่งให้ความรู้สึกมีมิติยิ่งกว่า มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานไฟหน้า LED ที่ให้ความรู้สึกทันสมัย
จุดขายความเป็นสปอร์ตจากเส้นสายอันเฉียบคมของด้านข้างตัวรถที่เน้นย้ำสัดส่วนอันปราดเปรียวและความเรียบหรูอันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู คูเป้ รุ่นหลังๆ กับเส้นโค้งของหลังคาที่ทอดตัวอย่างสง่างาม พร้อมทรงหน้าต่างและเส้นข้างตัวรถที่ยาวขึ้น ส่งให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยวเปรียวยาว ในขณะที่ตัวรถด้านข้างบริเวณเสา C โดดเด่นชัดเจน
รถรุ่นนี้โชว์ให้เห็นถึงเส้นโค้งอันทรงพลังของล้อหลังและไฟท้ายเพรียวบางที่ลาดออกในแนวนอน ควบคู่ชิ้นส่วนสีดำ High-gloss Black ที่เชื่อมต่อไฟท้ายทั้งสองส่วนสู่ตราสัญลักษณ์บีเอ็มดับเบิลยูตรงกลาง ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ดูกว้างขวางทรงอำนาจบนท้องถนนยิ่งกว่า เช่นเดียวกับไฟหน้า ไฟท้าย LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ตัวรถขนาดกะทัดรัด ด้วยขนาดตัวถังที่มีความยาวมากขึ้นเป็น 4,526 มม. กว้าง 1,800 มม. แต่ความสูงจะลดลงเหลือ 1,420 มม. มีฐานล้อยาว 2,670 มม. ช่วงล้อหน้า 1,561 มม. ล้อหลัง 1,562 ในสไตล์รถยนต์คูเป้4 ประตู ด้านหน้าจะใช้โคมไฟหน้าแอลอีดีที่ให้ความสว่างได้อย่างชัดเจนทั้งไฟต่ำและไฟสูง เมื่อเปิดใช้ไฟส่องสว่างขณะเข้าโค้งด้วยไฟต่ำ จะได้ความสว่างด้านข้างดีขึ้น เหมาะกับการขับขี่ในพื้นที่ชุมชนหรือในเมือง สามารถมองเห็นคนเดินเท้าและผู้ขับขี่จักรยานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งหลอดแอลอีดีจะช่วยสร้างรูปโฉมที่สะดุดตา มีหลอดไฟสำหรับส่องสว่างตอนกลางวันอยู่ในชุดโคมไฟหน้า
เป็นการลดข้อจำกัดของรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังเมื่อไม่ต้องสูญเสียพื้นที่ของห้องโดยสารให้กับซุ้มเพลากลางและสามารถขยับชุดกันสะเทือนหลังได้ตามต้องการ ทำให้ภายในของรถคันนี้ดูกว้างขวาง ช่วยให้ปลอดโปร่งเมื่อเข้าไปนั่งภายใน รวมถึงหน้าต่างมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดภายในห้องโดยสารที่ผสมผสานความหรูหราด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมและพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัวและการเดินทางระยะยาว
ทางฝั่งคนขับมีการส่งมอบข้อมูลสำคัญในการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนนด้วยหน้าจอ และแผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 5.1 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ตั้งอยู่กลางคอนโซลทำมุมเข้าหาคนขับเล็กน้อยเป็นการออกแบบที่เน้นผู้ขับยังถูกเสริมด้วยแถบสีที่พาดผ่านตรงเข้าสู่ที่นั่งคนขับ และรายละเอียด graining effects แบบต่างๆ รวมไปถึงพื้นผิวที่หลากหลายของแผงหน้าปัดและบริเวณหลังพวงมาลัย โดยแถบสีบริเวณแผงหน้าปัดและกรอบประตูมาในลาย ‘Illuminated Boston’ ด้านพวงมาลัย M Sport
เบาะนั่งทรงสปอร์ตเพื่อโอบกระชับได้ดีมีสีสันที่ดูสดใส เบาะที่นั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังแท้ Dakota พร้อมรูระบายอากาศส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้นอีกขั้น นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport มาพร้อมกับระบบ Parking Assistant ช่วยถอยหลังเข้าช่องจอด 90 องศาหรือจอดแบบขนานอัตโนมัติ พร้อมกล้องมองหลังภายในถูกออกแบบให้มีความเป็นสปอร์ตเพื่อความสนุกในการควบคุม จึงมีการเลือกวัสดุที่ให้สัมผัสถึงความเป็นสปอร์ตและความทันสมัย
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูสปอร์ตปราดเปรียว แต่ผู้โดยสารยังคงสามารถเพลิดเพลินไปกับพื้นที่ใช้สอยอันยืดหยุ่น ด้วยที่เก็บของท้ายรถซึ่งรองรับปริมาตรการบรรจุได้ถึง 430 ลิตร ทั้งยังสามารถปรับขยายได้หลากหลายรูปแบบ เมื่อต้องการพื้นที่จัดเก็บสัมภาระเพิ่ม
เทคโนโลยีทวินพาวเวอร์เทอร์โบ ที่นำมาใช้กับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1,499 ซีซี นั้น ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถสร้างพละกำลังได้ฉับไวขึ้น สามารถตอบสนองได้ดี แม้ว่าจะอยู่ในรอบต่ำๆ อยู่ก็ตาม อีกทั้งยังปล่อยไอเสียในระดับต่ำด้วย เครื่องยนต์รุ่นนี้จะให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 4,600-6,500 รอบ /นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,480-4,200 รอบ/นาที สามารถทำความเร็วได้ถึง 215 กม./ชม. ซึ่งใช้ระยะทางไม่ไกลมากก็สามารถทำได้แล้ว แม้ว่าอัตราเร่งมาอย่างต่อเนื่อง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 8.7 วินาที
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 สปีดแบบสเต็ปทรอนิคที่สร้างความเร็วได้แบบนุ่มนวล ด้วยระยะเกียร์ที่ทดชิดช่วยให้เครื่องยนต์สร้างกำลังได้เหมาะกับความเร็ว จึงลดความสิ้นเปลืองได้มากขึ้น แต่ยังคงไม่ทิ้งความเป็นสปอร์ตไป โดยเฉพาะในช่วงความเร็วสูงๆ เกียร์ที่เพิ่มขึ้นจะลดรอบเครื่องยนต์ลง ซึ่งช่วยให้ประหยัดและเสียงเครื่องยนต์จะดังน้อยลง เมื่ออยู่ในโหมดเกียร์ธรรมดายังให้ความนุ่มนวลเป็นพิเศษในการเปลี่ยนเกียร์และลดเสียงเครื่องยนต์ โดยทำงานร่วมกันกับระบบเปลี่ยนเกียร์ที่ทำงานได้ฉับไว การทดเฟืองที่ถูกปรับแต่งอย่างแม่นยำตอนเข้าโค้ง ล้อที่อยู่ด้านนอกจะสัมผัสกับถนนมากกว่าล้อด้านใน ระบบการขับขี่ขณะเข้าโค้งจะช่วยปรับแต่งกำลังเครื่องยนต์และเบรก เพิ่มกำลังให้ล้อด้านนอก ลดกำลังให้ล้อด้านใน ทำให้ทุกล้อยังคงยึดเกาะถนนสูงสุด จึงทำให้รถคันเล็กแบบนี้สามารถทรงตัวได้ดี แม้จะใช้ความเร็วสูงอยู่ก็ตาม