• News
  • Newcar
  • Review
  • Worldcar
  • Usedcar
  • Motorcycle
  • History
  • Knowledge
Trending
  • อีซูซุจัดทัพยนตรกรรมรุ่นมาตรฐานและโมดิฟายคาร์ มาร่วมจัดแสดงในงาน “บางกอก ออโต ซาลอน 2022”
  • โตโยต้าเข้าร่วมงาน Bangkok Auto Salon 2022
  • MGC-ASIA ตั้งเป้าสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ
  • “ฮอนด้า” ริเริ่มแอปพลิเคชัน CANDEE ร่วมกับ “บิทคับ”
  • NETA V เตรียมเปิดตัว อย่างเป็นทางการ 20 กรกฎาคม นี้
  • “ออโต้ไลค์ทีวี” (AUTOLIKETV) ปรับเวลาออกอากาศเป็น 22.30-23.00 น.ทุกวันจันทร์ทาง ททบ.5
  • ไทยฮอนด้า ฉลองผลิตเครื่องยนต์อเนกประสงค์ครบ 45 ล้านเครื่อง
  • แอสเซนด์ นำเสนอวัสดุสำหรับผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้า ในงานแบตเตอรี่ โชว์ ยุโรป
วันศุกร์, 1 กรกฎาคม
  • ติดต่อเรา : 0819134292
  • อีเมล์ : aphichaik@hotmail.com
ข่าวรถยนต์ ข่าวยานยนต์
  • News
  • Newcar
  • Review
  • Worldcar
  • Usedcar
  • Motorcycle
  • History
  • Knowledge
ข่าวรถยนต์ ข่าวยานยนต์

บีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราด ผนึก “แคลิฟอร์เนียเรสซิ่งสคูล” พาลูกค้าสอนซิ่งสนามช้างฯ

0
By admin on กุมภาพันธ์ 15, 2020 Motorcycle

บริษัท บีเอ็มดับเบิ้ลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย จัดกิจกรรม BMW Motorrad Track Experience Power by California Superbike School พาลูกค้าสายซิ่งมาเปิดประสบการณ์หวดคันเร่งบนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยมีโรงเรียนสอนการขับขี่บิ๊กไบค์ชื่อดังอย่าง “แคลิร์ฟอเนีย ซูเปอร์ไบค์ สคูล” California Superbike School ที่มีประสบการณ์สอนอย่างช่ำชองจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเฮดโค้ชติวเตอร์นักบิดหน้าใหม่แบบตัวต่อตัว โดยใช้รถสปอร์ตที่ดีที่สุดในปัจจุบันอย่าง BMW S 1000 RR เป็นม้าฝึกในการเรียนการสอนครั้งนี้

โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเหล่านักบิดสาวกค่ายกังหันลมสีฟ้า ตบเท้าเข้ามาร่วมกิจกรรมกว่าร้อยชีวิต ซึ่งกฎการเข้าร่วมกิจกรรมนั้นจะเน้นไปที่ความรู้ควบคู่กับความสนุกโดยอยู่ภายใต้พื้นฐานของความปลอดภัย ซึ่งการเรียนการสอนนั้นจะแบ่งนักเรียนออกเป็น 4 ระดับ

สำหรับกิจกรรมนี้ Autowoke ขอลงเรียนในระดับที่ 1 ซึ่งเป็นระดับพื้นฐาน การเรียนการสอนจะค่อยเป็นค่อยไปโดยมีครูฝึกมากประสบการณ์ขี่สอนแบบติวเข้มตัวต่อตัว โดยแก้ไขจุดบกพร่องในแต่ละโค้ง รวมถึงการพัฒนาความคิดเรื่องการขับขี่ และเข้าใจหลักสรีระศาสตร์ของรถจักรยานยนต์ BMW S 1000 RR ซึ่งเป็นรถสปอร์ตที่พกแรงม้ามากว่า 207 ตัว และมีช่วงล่างที่ชาญฉลาด พร้อมทั้งลูกเล่นระบบอิเล็คทรอนิคอันแพรวพราวคอยช่วยเหลือนักบิด เปรียบได้ดั่งฉลามขาวออกล่าเหยื่อ ที่นอกจากจะมีความรวดเร็วเป็นอาวุธ ยังมีสมองที่ฉลาดว่องไว จัดเป็นรถสปอร์ตที่ดีที่สุดคันหนึ่งของค่าย BMW ที่เคยผลิตมา

การขับขี่จะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 หัวข้อการฝึก และในแต่ละหัวข้อจะใช้เวลาในการขับขี่ประมาณ 30 นาที นั้นหมายความว่าผู้เข้าร่วมหลักสูตรจะได้เพิ่มพูนทักษะบนหลังอานของ”เจ้าฉลาม” S 1000 RR กว่า 3 ชม.เต็ม มากพอที่จะเข้าใจถึงแนวทางการแก้ไขและปรับเพิ่มพูนทักษะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ก่อนการขับขี่ทุกครั้งจะมีการบรีฟเพื่อให้ข้อมูลเกริ่นก่อนจะเข้าถึงทักษะที่จะลงไปฝึกในสนาม จากนั้นจะเป็นการฝึกขับขี่จริงโดยจะมีโค้ชขี่ประกบตัวต่อตัว และภายหลังจากขี่เสร็จจะกลับเข้ามาชี้แจงข้อผิดพลาดที่เกิด ซึ่งนักเรียนจะสามารถพัฒนาทักษะได้แบบเรียลไทม์ ไม่มีการลองถูกลองผิดในระหว่างการฝึก ช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น

ต่อจากนี้จะเป็นการอธิบายการฝึกในแต่ละหัวข้ออย่างพอสังเขป เพื่อเป็นความรู้สำหรับผู้ที่สนใจลงเรียน และในการขับขี่ผู้เรียนจะต้องสวมชุดเรซซิ่งสูทในระหว่างลงเรียนเท่านั้น รวมถึงหมวกกันน็อตเต็มใบมาตรฐาน TIS-360-2559 , ถุงมือหนัง , รองเท้าบูทสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์มีความสูงเกินครึ่งหน้าแข้ง เมื่ออุปกรณ์พร้อมแล้ว เราไปลุยกันได้เลย

 หัวข้อการฝึก#1 การควบคุมคันเร่ง จะเป็นการปรับพื้นฐานและความเข้าใจของการขับขี่มอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะการควบคุมคันเร่งที่เป็นทักษะสำคัญประการหนึ่ง โดยการควบคุมมอเตอร์ไซค์มีด้วยกัน 6 การควบคุม ประกอบไปด้วย การควบคุมคันเร่ง , การควบคุมเบรคหน้า , การควบคุมเบรคหลัง , การควบคุมครัชท์ , การควบคุมเกียร์ และ การควบคุมแฮนด์ (ทิศทาง) ซึ่งถ้าเราสามารถควบคุมปัจจัยในแต่ละข้อได้เป็นอย่างดี ว่าจะใช้ตอนไหน มากน้อยแค่ไหนจะทำให้การขับขี่ดีขึ้น โดยความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในระหว่างการเข้าโค้งนั้นมี 2 ตัวแปรนั้นก็คือ ความเร็วผิด และ ทิศทางผิด ซึ่งแน่นอนว่าในหัวข้อการฝึกแรกนั้น จะเน้นไปที่การควบคุมคันเร่งเป็นหลัก โดยแบบฝึกที่ใช้ขับขี่ในสนามจะถูกกำหนดให้นักเรียนขับขี่ด้วยเกียร์ 4 เพียงเกียร์เดียวตลอดเวลา นั้นหมายถึงทุกโค้งทุกทางตรงแต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งที่ถูกตั้งขึ้นเอาไว้นั้นก็คือ “ห้ามใช้เบรกรวมถึงการเชนจ์เกียอย่างเด็ดขาด” ฟังแล้วอาจจะดูขัดใจกับหลักการขับขี่ที่เราคุ้นเคยกันมาก

  ลงฝึกจริง หลังจากฟังบรีฟเสร็จก็รีบจัดแจงสวมชุดลงสู่ภาคปฎิบัติ ซึ่งครูฝึกจะขี่นำและแสดงจังหวะการใช้คันเร่งด้วยการชูมือขึ้นพร้อมทั้งบิดข้อมือ ซึ่งบทเรียนนี้จะใช้เฉพาะทางโค้งเท่านั้น กล่าวคือเมื่อเราใกล้ถึงทางโค้ง ครูฝึกจะยกมือซ้ายขึ้นมาให้เห็นในลักษณะการบิดคันเร่ง โดยในจังหวะแรกจะเป็นการปิดคันเร่งก่อน แล้วจะค่อยๆเปิดคันเร่งขึ้นเรื่อยๆจนสุด ซึ่งจังหวะเปิดและปิดคันเร่งจะสัมพันธ์กันกับโค้งในแต่ละโค้ง ยิ่งโค้งกว้างและยาวการเปิดคันเร่งจะไต่ระดับการเปิด-ปิดที่ช้า แต่หากเป็นโค้งที่สั้นและแคบ การเปิด-ปิดคันเร่งจะสั้นและรวดเร็ว

TIP หัวใจสำคัญของการเปิดคันเร่งนั้นคือความนิ่มนวลในการเปิดคันเร่ง (Smooth) ซึ่งแบบฝึกแรกนี้จะช่วยให้เราทราบถึงจังหวะการใช้คันเร่งในทางโค้งได้ดีขึ้น และการใช้คันเร่งนี้เองเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของการควบคุมเวลา ซึ่งหากใครทำแบบฝีกหัดนี้ได้ดี เวลาที่ใช้ก็จากน้อยลงนั้นหมายถึง คุณจะเริ่มขี่รถได้อย่างรวดเร็วขึ้นในทางโค้งนั้นเอง

ปล.การควบคุมคันเร่งที่แย่ แม้ว่าช่วงล่างจะดีแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย

การแก้ไข หลังฝึกขี่ในหัวข้อแรกไปแล้ว คราวนี้จะเป็นการติวแก้ไขข้อบกพร้องในแต่ละจุด ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นคือการใช้ความเร็วที่ไม่สม่ำเสมอ จนทำให้”แหกกฎ”ของการฝึกที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งทำให้ไลน์การขับขี่นั้นไม่เหมือนกันในแต่ละรอบ ซึ่งจุดนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจัยนั้นมาจากการใช้คันเร่งที่ผิดจังหวะและไม่สม่ำเสมอ โดยคันเร่งจะกำหนดความเร็วรวมไปถึงไลน์การเข้าโค้งอีกด้วย

ไลน์ของการเข้าโค้งที่ดี ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบหลักคือ 1.เป็นเส้นตรง = การพยายามให้โค้งนั้นเป็นเส้นตรงให้ได้มากที่สุด  2.มีการเลี้ยวเพียงครั้งเดียว = การเลี้ยวนี้จะดีหรือไม่เริ่มขึ้นอยู่ที่จุดเลี้ยวแรกหรือ Turning point ซึ่งเราจะเรียนกันในเซ็กชั่นต่อไป  และข้อสุดท้ายข้อที่ 3. นั้นก็คือการควบคุมคันเร่งที่ดีนั้นเอง ซึ่ง Sense of speed นั้นมีความสำคัญ

หัวข้อการฝึก#2 จุดเลี้ยว

ภายหลังจากพักหายเหนื่อยกับการขี่รอบแรก ก็เข้าห้องเรียนกันอีกครั้ง โดยในหัวข้อนี้หัวใจหลักจะต่อเนื่องจากครั้งที่แล้วนั้นก็คือ “จุดเลี้ยว” (Turning point) ซึ่งจุดเลี้ยวนั้นจะกำหนดไลน์การขับขี่ที่ดีในแต่ละโค้ง หรืออาจจะเป็นไลน์ขี่ที่แย่ตั้งแต่เริ่มเลี้ยว ซึ่งไลน์ขับขี่ที่ดีที่สุดนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะปัจจัยที่ส่งผลต่อไลน์การขับขี่นั้นแตกต่างกันออกไป ได้แก่ สไตล์การขับขี่ , รถ , ประสบการณ์ ซึ่งในเซ็คชั่นนี้ครูผู้สอนได้กำหนดไลน์มาตรฐานไว้บนแทร็คของสนามด้วยเครื่องหมายกากบาท X ซึ่งเป็นจุดเลี้ยวที่ทุกคนต้องทำตาม และมีกฎเหล็กเหมือนรอบแรกนั้นก็คือห้ามใช้เบรก

ลงฝึกจริง รอบนี้ครูฝึกจะขี่นำและให้สัญญาณมือในจุดเลี้ยวซึ่งมีเครื่องหมายกากบาทติดไว้บนพื้นสนาม ซึ่งเราจะต้องนำรถเข้ามาที่จุดนี้ทุกครั้งและเริ่มการพับรถเพื่อเลี้ยวเข้าโค้ง ก่อนที่จะนำรถเข้าใกล้ Apex หรือบริเวณที่ใกล้เคียงที่สุดของการเลี้ยวนั้นๆ หรืออีกความหมายหนึ่งที่เข้าใจกันก็คือ “ยอดโค้ง”นั้นเอง และในแต่ละโค้งของสนามช้างฯจะมีจุดเลี้ยวที่แตกต่างกันออกไป รวมถึง Apex อีกด้วย ซึ่งหากเราสามารถฝึกขั้นตอนการควบคุมคันเร่งได้ดีในหัวข้อแรก จะส่งผลให้เราไม่พลาดจุดเลี้ยวในการฝึกรอบที่สองนี้ได้

TIP การมีจุดเลี้ยวที่ดีสัมพันธ์กับการใช้คันเร่ง เพราะฉะนั้นความเร็วจึงเข้ามาเป็นปัจจัยหลักที่ควบคุมความสัมฤทธิ์ผลของแบบฝึกนี้ ซึ่งหากมาเร็วหรือเลี้ยวเร็วเกินไป จะส่งผลต่อไลน์การเข้าโค้งที่จะผิดเพี้ยน (บานโค้ง) ดังนั้นการก่อร้างสร้างปราสาทจึงต้องใช้อิฐทีละก้อน การขี่มอเตอร์ไซค์ก็เหมือนกัน ดังนั้นความสำคัญของทักษะที่ฝึกไปตั้งแต่แรกเริ่มนั้นอยู่ที่รากฐาน ให้กลับไปดูเกร็ดการขับขี่ในหัวข้อแรกแล้วจะเข้าใจความผิดพลาด (อย่าใจร้อน)

ขั้นแก้ไข ให้นักเรียนพยายามมาร์คจุดปิดคันเร่งในสนามของตนเอง ซึ่งจุดนี้จะอยู่ก่อนถึงจัดเลี้ยวที่ส่งผลต่อความเร็วและการกำหนดจุดเลี้ยวรวมถึงไลน์ในการเข้าโค้ง ซึ่งการใช้ความเร็วที่สม่ำเสมอในการฝึกนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราสามารถที่จะแต่งความเร็วก่อนเข้าโค้งได้อย่างสมบูรณ์ หลีกเลี่ยงการขี่เร็วจนเกินไป เพราะสุดท้ายจะต้องเบรกจนตัวโก่ง ซึ่งนอกจากจะผิดกฎเรื่องการห้ามเบรกแล้ว ยังจะเสียจังหวะและไม่เกิดการพัฒนาที่ถูกต้องอีกด้วย  เพราะเมื่อเรามาเร็วเกินไปสัญชาติญาณการเอาตัวรอดซึ่งเกิดจากความกลัว (Survival Instinct) จะเข้ามาทำงาน ส่งผลให้เกิดความเกร็ง มือเราจะเหนี่ยวเบรกเป็นอัตโนมัติ ตัวแข็งเกรงไม่สามารถควบคุมรถได้ สายตาจะเพ่งไปในบริเวณที่รถจะบานออกแทนที่จะมองหาทางออก สุดท้ายก็จะบานโค้ง

หัวข้อการฝึก#3 การเลี้ยวแบบเร็ว

พื้นฐานการควบคุมนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประการ นั่นคือการเปลี่ยนความเร็วและการเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้นการพัฒนาความคล่องแคล่วในการเปลี่ยนทิศทางของรถ แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยแต่ก็ส่งผลอย่างมากต่อการขับขี่ ซึ่งทักษะการเลี้ยวแบบเร็วนั้น จะช่วยให้เราเปลี่ยนทิศทางของรถได้อย่างราบเรียบและฉับไว ซึ่งนั้นก็คือการใช้เทคนิค Counter steering มาช่วย

สำหรับเทคนิค Counter steering นั้นคือการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว เช่น หากเราต้องการเลี้ยวขวากระทันหัน ให้ดันแฮนเดิ้ลบาร์ด้านขวาไปข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ล้อเลี้ยวไปทางซ้าย โดยจุดนี้เองรถจะเสียสมดุลไปชั่วขณะ  เนื่องจากแนวของล้อหน้าและล้อหลังไม่เสมอกัน น้ำหนักของรถจะเคลื่อนตัวจากกึ่งกลางไปด้านขวา ในจังหวะนี้รถจะเลี้ยวและเอียงไปด้านขวาอย่างรวดเร็ว หากต้องการเลี้ยวซ้ายก็เพียงดันแฮนด์ไปด้านซ้ายเช่นเดียวกัน

ลงฝึก Counter steering

สำหรับการฝึกเทคนิคนี้จะแบ่งการฝึกออกเป็น 2 สนาม โดยสนามฝึกแรกจะทำในพื้นที่เปิดโล่งนอกสนามแข่ง และใช้รถ  S1000R สปอร์ตเปลือยมาฝึกแทน เนื่องจากการตอบสนองของแฮนด์บาร์ทรงกว้างจะช่วยให้ผู้ฝึกๆได้ง่ายและเข้าใจมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะลงสนามจริงและใช้เทคนิคนี้ แต่ก็ยังมีกฏบังคับให้ผู้ฝึกใช้เกียร์ 3-4 และยังห้ามเบรกอยู่ โดยการฝึกนี้ครูผู้สอนจะยังคงขี่นำหน้า และให้สัญญาณเลี้ยว ณ จุดเลี้ยวเดิม (Turning point) แต่ที่แตกต่างออกไปคือการใช้เทคนิคเลี้ยวเร็วเข้าร่วมด้วย

TIP ให้ดันแฮนด์ฝั่งที่ต้องการจะเลี้ยว เช่น เลี้ยวขวาดันแฮนด์ขวาไปข้างหน้า เลี้ยวซ้ายดันแฮนด์ซ้ายไปข้างหน้า แต่ต้องกระทำด้วยความนิ่มนวล ค่อยๆเพิ่มน้ำหนักและระยะเวลาที่ใช้แรกผลักจนเริ่มเลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่ว หลีกเลี่ยงการผลักที่รวดเร็วและรุนแรง เพราะอาจทำให้รถเสียอาการเกินกว่าจะควบคุม

การแก้ไข

เมื่อผู้ฝึกเริ่มฝึกได้อย่างถูกต้องตั้งแต่บทเรียนแรกจะพบว่าการเลี้ยวนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและเร็วขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่อาจทำพลาดได้คือน้ำหนักที่ใช้ในการผลักแฮนด์ไปด้านหน้า ซึ่งอาจจะหนัก,เบา,ช้า,เร็วไม่สม่ำเสมอกัน ส่งผลต่อจุดเลี้ยวและไลน์ที่ยังไม่แน่นอน เป็นผลมาจากความเร็วก่อนเข้าโค้งที่มีมากเกินไป จึงควรใช้ความเร็วให้เหมาะสมเพื่อให้ผู้ฝึกมีเวลาปฎิบัติทักษะได้ละเอียดมายิ่งขึ้น

หัวข้อการฝึก#4 การควบคุมโดยตัวผู้ขี่เอง

การบังคับรถให้เป็นไปอย่างที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคการขับขี่เป็นหลัก “ไม่ใช่ใส่โช้คอัพราคาแพงที่คุณเสียเงินซื้อมา …. ยิ่งน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น” ที่พูดมาเช่นนี้นั้นก็เพราะว่าโดยธรรมชาตินั้น รถจักรยานยนต์มีเสถียรภาพที่ดีอยู่แล้ว แต่กลับกลายเป็นผู้ขี่เองที่ทำให้รถขาดเสถียรภาพ ดังนั้นเราต้องปล่อยให้รถควบคุมเสถียรภาพในตัวของมันเอง จะเห็นได้ว่าการที่เราออกแรงบังคับรถให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ สำหรับผู้ขับขื่มือใหม่นั้นจะใช้มือเกาะแฮนด์ค่อนข้างแน่น แต่ความจริงแล้วเราสามารถผ่อนแรงเกาะแฮนด์ออกไปได้ โดยเพิ่มการยึดเกาะที่ส่วนต้นขาแทน (เข่าหนีบถัง) ทั้งนี้เพื่อให้รถปรับสมดุลในทิศทางด้วยตัวรถเองได้ตลอดเวลา (ปล่อยให้การสบัดของแฮนด์เป็นไปอย่างเล็กน้อย) กล่าวสรุปได้คือสำหรับบทเรียนนี้ต้องการให้ผู้ฝึกผ่อนคลาย Relax ไม่ต้องออกแรงเยอะเกินกว่าจำเป็นนั้นเอง โดยเฉพาะแรงจากแขนและมือในการรักษาตัวเองให้อยู่บนรถ

 การฝึก

สำหรับหัวข้อการฝึกนี้จะเน้นไปที่การผ่อนคลายแรงจากแขนและมือในระหว่างขับขี่ ซึ่งครูฝึกจะสาธิตวิธีการนี้ในขณะเข้าโค้ง ด้วยการกระพือท่อนแขนขึ้นลง (คล้ายท่าไก่ตีปีก) และให้ผู้ฝึกทำตามอย่างช้าๆ โดยมีกฏข้อแม้เหมือนเดิมว่าให้ใช้เกียร์ 4-5 ได้และอนุญาติให้เบรคเบาๆได้

TIP#1 เมื่อไม่ใช้แรงแขนและมือในการรักษาตัวเองให้อยู่บนรถ ดังนั้นเราจึงต้องออกแรงใช้ต้นขาหนีบถังน้ำมัน เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพของร่างกายบนตัวรถ

TIP#2 เมื่อเอียงรถได้ถึงระดับที่คุณคิดว่าเพียงพอแล้ว ให้ผ่อนคลายแรงที่ใช้ในการบีบแฮนด์ลง เพื่อเป็นการปล่อยให้รถปรับสมดุลย์ด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ฝึกจะพบว่าแฮนด์จะมีการส่ายเพื่อปรับสมดุลย์ จุดนี้ไม่ต้องตกใจให้เราจับแบบประคองไว้อย่างแผ่วเบา(Relax) จนกว่าจะพ้นทางออกโค้ง (ห้ามไปฝืนแฮนด์เด็ดขาด)

การแก้ไข

เมื่อพบว่าภายหลังการขี่ยังมีอาการเมื่อยบริเวณแขนและมือ นั้นหมายความว่าคุณยังออกแรงในจุดดังกล่าวมากจนเกินไป ต้องปรับท่านั่งใหม่รวมถึงการรู้จักใช้ประโยชน์จากกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่สามารถช่วยให้คุณรักษาเสถียรภาพบนอานมอเตอร์ไซค์ได้ดีกว่า นั้นก็คือแรงหนีบถังจากต้นขาทั้งสองของคุณนั้นเอง

หัวข้อการฝึก#5 การเข้าโค้ง 2 จังหวะ

อีกโสตประสาทหนึ่งที่เป็นปัจจัยหลักในการควบคุมรถที่ดีนั้นคือ “สายตา” โดยปกติแล้วร่างกายเราจะตอบสนองตามสิ่งที่เห็นและสั่งงานให้กลายเป็นปฎิกิริยาตอบสนอง (Reaction) ซึ่งปฎิกิริยาตอบสนองนั้นมีส่วนที่เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเมื่อเกิดความกลัว (Survival Instinct) ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเข้าโค้งมาด้วยความเร็วที่สูงจนเกินไป สัญชาตญาณการเอาตัวรอดนี้จะสั่งการให้คุณออกแรงบีบเบรคมากและนานขึ้น รวมถึงสายตาจะไปจดจ่อแต่จุดที่กำลังจะแหกโค้ง แทนที่จะมองไปที่ทางออกของโค้ง ดังนั้นหัวข้อการฝึกนี้จะเน้นไปที่การมองการเข้าโค้ง 2 จังหวะ โดยในจังหวะแรกคือการมองหาจุดเลี้ยว Turning point และจังหวะ 2 คือการหายอดโค้ง Apex ซึ่งจะช่วยให้ไลน์การขับขี่ของคุณมั่นคงและเป็นเส้นตรงมากขึ้น

การฝึก

หัวข้อนี้เป็นหัวข้อสุดท้ายของการฝึกในระดับ 1 สามารถใช้เกียร์ 3-5 รวมถึงการเบรกเบาๆ ให้ผู้เรียนรวบรวมการฝึกตั้งแต่แบบฝึกแรกนำมาปรับใช้ร่วมกันทั้งการควบคุมคันเร่งในโค้ง , จุดเลี้ยว , การเลี้ยวแบบเร็ว , การรีแลกซ์ระหว่างขับขี่ รวมถึงการใช้สายตาในการเลี้ยว โดยเมื่อก่อนถึงทางโค้งให้ชำเลืองมองจุดเลี้ยว และเมื่อจุดเลี้ยวที่มาร์คไว้ให้ท่านเริ่มเลี้ยวโดยใช้เทคนิคCounter Steering และจังหวะนี้เองให้มองไปยัง Apex ที่เราจะนำเราผ่านเข้าไป ในระหว่างนี้เริ่มเปิดคันเร่งตามที่ฝึกมาแต่แรก ก่อนทะยานออกจากโค้งไป ซึ่งครูฝึกจะนำการฝึกแบบตัวต่อตัวจนกว่าผู้ปฎิบัติจะเริ่มขับขี่ได้ดีขึ้น

TIP# เมื่อเราทราบจุดเลี้ยวและการมองโค้งอย่างถูกต้อง จะทำให้รู้สึกช้าลงแม้ว่าจะเข้าโค้งด้วยความเร็วมากขึ้น ดังนั้นการฝึกการเลี้ยวด้วยสายตาและการมองแบบ 2 จังหวะจึงเป็นหัวใจหลักที่สำคัญก่อนที่จะเข้าสู่การเรียนในระดับ 2 ขั้นต่อไป

 แก้ไข

ไลน์เข้าโค้งที่ผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะการมองจุดเลี้ยวนานจนเกิดไป ทำให้เราจดจ่ออยู่ที่จุดเลี้ยวจนลืมจังหวะการมองที่ 2 ไปยังApex ทำให้เสียเวลาและไลน์การขี่ไม่สม่ำเสมอ

  Last Lap

ภายหลังจากที่คุณฝึกในแต่ละหัวข้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในการลงสนามรอบสุดท้ายนี้ให้คุณรวมรวมประสบการณ์การฝึกตลอดวันที่ผ่านมาใช้งาน โดยเซกชั่นการขี่นี้สามารถให้คุณใช้ได้ทุกเกียร์ รวมถึงการเบรกด้วย แต่ต้องระวังเรื่องของอาการเหนื่อยล้าเพราะส่วนใหญ่แล้วอุบัติเหตุจากการฝึกมักเกิดขึ้นในการขี่รอบสุดท้ายนี้แหละ จากนี้ขอให้สวมชุดและขับขี่อย่างปลอดภัย สนุกได้แต่ต้องปลอดภัยไว้ก่อน

 สำหรับการฝึกในระดับต่อไปคือระดับ 2

ความรวดเร็วในการประมวลภาพที่ตาของคุณเห็นถึงเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับนักขี่ทุกคน ส่วนการฝึกในระดับ 2 จะยังคงเป็นการฝึกทักษะด้านการมองเห็น โดยเทคนิค”เข้าโค้ง 2 จังหวะ” ที่เพิ่งฝึกไปเป็นเทคนิคพื้นฐานในการเรียนระดับ 2 โดยในการฝึกระดับ 2 จะมีหัวข้อการฝึกใหม่ 5 ระดับ ดังนั้นควรจะฝึกทักษะในระดับ 1 ให้ชำนาญเสียก่อนแล้วกลับมาเจอกันใหม่ในระดับ 2 นะครับ

autowoke BMW BMW S 1000 RR motocycle ข่าวรถยนต์ ข่าวสารรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ไซค์ สอนการขับขี่บิ๊กไบค์ แคลิร์ฟอเนีย ซูเปอร์ไบค์ สคูล
Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
Previous Articleฮอนด้าสนับสนุนการแข่งขันขับขี่ปลอดภัยเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับประเทศปีที่ 3
Next Article โครงสร้างตัวถังมาสด้า CX-30 การันตีความปลอดภัยระดับโลก

Related Posts

อีซูซุจัดทัพยนตรกรรมรุ่นมาตรฐานและโมดิฟายคาร์ มาร่วมจัดแสดงในงาน “บางกอก ออโต ซาลอน 2022”

มิถุนายน 30, 2022

โตโยต้าเข้าร่วมงาน Bangkok Auto Salon 2022

มิถุนายน 30, 2022

MGC-ASIA ตั้งเป้าสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ

มิถุนายน 30, 2022
ค้นหาข่าวที่คุณสนใจ..

อีซูซุจัดทัพยนตรกรรมรุ่นมาตรฐานและโมดิฟายคาร์ มาร่วมจัดแสดงในงาน “บางกอก ออโต ซาลอน 2022”

มิถุนายน 30, 2022

โตโยต้าเข้าร่วมงาน Bangkok Auto Salon 2022

มิถุนายน 30, 2022

MGC-ASIA ตั้งเป้าสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ

มิถุนายน 30, 2022

“ฮอนด้า” ริเริ่มแอปพลิเคชัน CANDEE ร่วมกับ “บิทคับ”

มิถุนายน 30, 2022

NETA V เตรียมเปิดตัว อย่างเป็นทางการ 20 กรกฎาคม นี้

มิถุนายน 30, 2022

“ออโต้ไลค์ทีวี” (AUTOLIKETV) ปรับเวลาออกอากาศเป็น 22.30-23.00 น.ทุกวันจันทร์ทาง ททบ.5

มิถุนายน 30, 2022

ไทยฮอนด้า ฉลองผลิตเครื่องยนต์อเนกประสงค์ครบ 45 ล้านเครื่อง

มิถุนายน 30, 2022

แอสเซนด์ นำเสนอวัสดุสำหรับผลิตแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้า ในงานแบตเตอรี่ โชว์ ยุโรป

มิถุนายน 30, 2022

GLOBAL STAGE ถูกตั้งค่าสำหรับฤดูกาลที่ 9 ใน ABB FIA FORMULA E WORLD CHAMPIONSHIP

มิถุนายน 30, 2022

ทีมนักแข่งรถหญิง W Series CortDAO ประกาศเข้าสู่ธุรกิจ NFT

มิถุนายน 30, 2022

อีซูซุสานต่อโครงการ “อีซูซุให้น้ำ…เพื่อชีวิต” ต่อเนื่องโรงเรียนที่ 40

มิถุนายน 29, 2022

เชิญสัมผัสรถยนต์โตโยต้า ในงาน Bangkok Auto Salon 2022

มิถุนายน 29, 2022

มาสด้าเปิดให้ลูกค้าเลือกช็อปรถแต่งสไตล์สปอร์ตจากดีเอ็นเอมาสด้า

มิถุนายน 29, 2022

อีซูซุ จัดโชว์รถโมดิฟายพรีเมียมไลฟ์สไตล์ ในงาน “บางกอก ออโต ซาลอน 2022”

มิถุนายน 29, 2022

สีพ่นรถยนต์ โครแมกซ์ (Cromax) และผลิตภัณฑ์ ดุ๊กซอน (Duxone) จาก แอ็กซอลตา ให้บริการแก่ ฟอร์ด ประเทศไทย 

มิถุนายน 29, 2022
ติดต่อเรา
คุณอภิชัย ไกรนุกูล (APHICHAI KRAINUKOOL)
Email : aphichaik@hotmail.com
เบอร์โทร : 0819134292
ฝ่ายขายและโฆษณา
คุณจินตนา ภู่แย้ม
เบอร์โทร : 0819201264
Email : maew_jintana@hotmail.com
Photographer
คุณมนัส แช่มประสิทธิ์
เบอร์โทร : 0945455391

 148 total views,  1 views today

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.