เวลาที่ผันเปลี่ยนไปยากที่จะคงรูปเดิมเอาไว้ได้ จำเป็นต้องมีการพัฒนาให้เข้ากับเวลาที่เดินหน้าต่อไป ยิ่งเป็นรถยนต์ด้วยแล้วโลกของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้รูปแบบของรถถูกปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยตามไปด้วยมีบางรุ่นของรถปอร์เช่ที่ยังคงรูปแบบของรถเอาไว้ การปรับเปลี่ยนบางจุดก็เพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีและเวลาที่แปรเปลี่ยนไป อย่าง 911 คาร์เรร่าก็ยังคงสร้างความลงตัวระหว่างความทันสมัยกับความดั้งเดิมเอาไว้
กว่า 56 ปีแล้วที่ทาง 911 คาร์เรร่าได้สร้างตำนานให้กับวงการรถสปอร์ต รุ่นปี 2012 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ในความเป็นสปอร์ตด้วยไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยว มีตัวถังที่ยาวขึ้น มีการลงลายละเอียดทุกชิ้นส่วน โดยยังคงเป็น 911 เอาไว้เช่นเดิม มีการขยายฐานล้อให้กว้างขึ้นอีก 100 มม. แล้วลดตัวรถให้ต่ำลงเพื่อรองรับล้อขนาด 20 นิ้ว ตัวรถยังคงขนาดกะทัดรัดแบบรถสปอร์ต หน้ารถถูกออกแบบให้มีมิติที่กว้างขึ้นเพื่อความโดดเด่น ในเอกลักษณ์ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
หน้ารถที่กว้างขึ้นทำให้การทรงตัวของรถทำได้ดี มีการออกแบบกระจกมองข้างติดไว้ด้านบนของประตูรถเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองดีขึ้น มีความสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ ตัวถังถูกลดน้ำหนักกว่า 45 กก. จากการใช้อลูมิเนียมมาทำตัวถังเพื่อให้รถมีน้ำหนักเบา ตัวถังกว้างขึ้นและสปอยเลอร์หลังถูกขยายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยสปอยเลอร์หลังถูกขยายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีสปอยเลอร์หลังถูกพับเก็บไว้เสมอตัวรถ ซึ่งจะยกตัวขึ้นมาเมื่อใช้ความเร็ว 120 กม./ชม.และพับเก็บลงไป เมื่อความเร็วลดลงเหลือ 80 กม./ชม. แต่ถ้าความเร็วยังไม่ถึง แต่อยากให้สปอยเลอร์ทำงานก็ใช้การกดปุ่มได้
สำหรับความลงตัวของภายในห้องโดยสาร ปอร์เช่จึงนำภายในห้องโดยสารของคาร์เรร่า จีที มาเป็นต้นแบบสำหรับภายในของ 911 คาร์เรร่า ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่เข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆได้ง่ายขึ้น มีการยกคอนโซลกลางให้สูงเพื่อเชื่อมต่อไปยังคอนโซลหน้า ทำให้คันเกียร์สูงขึ้นอยู่ใกล้ๆ กับพวงมาลัย เพื่อให้ได้รูปแบบของความเป็นมอเตอร์สปอร์ต
ถึงจะเป็นรถสปอร์ตฝีเท้าจัด แต่ก็มีตัวถังไม่เตี้ยมาก ทำให้สามารถจัดวางเบาะนั่งสปอร์ตคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าสามารถปรับดันหลังและความสูงได้ การปรับเลื่อนทำได้ 25 มม. ส่วนเบาะหลังถูกออกแบบใหม่ สามารถพับเก็บแยกได้ ซึ่งทำให้ได้พื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้น เบาะหลังนั่งได้สำหรับเด็กหรือคนที่ตัวไม่โตนัก
แผงหน้าปัดของ 911 คาร์เรร่าเป็นแบบ 5 วงเพื่อแสดงข้อมูลสำคัญๆ เกี่ยวกับการทำงานของรถ วงกลางเป็นวัดรอบส่วนอื่นก็จะเป็นการแสดงผลความเร็ว จังหวะเกียร์รวมไปถึงสัญญาณเตือนต่างๆ ซึ่งในรุ่นคาร์เรร่า เอส จะเป็นแผงสีเงิน
เครื่องยนต์ 3.8 ลิตร ที่วางในคาร์เรร่า เอส จะเป็นเครื่องยนต์สูบนอน ใช้การฉีดน้ำมันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ จึงทำให้มีกำลังสูงถึง 400 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 5,600 รอบต่อนาที มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ PDK เสียงของเครื่องยนต์บ่งบอกถึงตำนานของรถแข่งได้เป็นอย่างดีเหมือนกับเครื่องยนต์สูบเรียงสูบนอน ส่งเสียงผ่านท่อไอเสียคู่แบบสแตนเลสมาพร้อมกับระบบออโตสตาร์ท / สต็อป ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมันเป็นอย่างดีเวลาใช้งานในเมือง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาไป 4.3 วินาที มีอัตราบริโภคเชื้อเพลิงลดลงกว่าเก่าถึง 1.5 ลิตร ต่อ 100 กม. ทำได้ 8.7 ลิตร ต่อ 100 กม. ขณะที่กำลังกลับสูงขึ้นได้อีก 15 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 304 กม./ชม.
ไม่เพียงแค่เครื่องยนต์ที่มีการพัฒนา ในส่วนของความคล่องตัวและความว่องไวในการขับขี่สามารถทำได้ดีขึ้นจากการขยายฐานล้อให้กว้างขึ้น เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน มีความแม่นยำในโค้งและทรงตัวดีความกว้างของหน้ารถจะถูกขยายเพิ่ม รวมถึงเพลาหลังที่พัฒนาใหม่มาพร้อมกับพวงมาลัยไฟฟ้าที่ให้ความแม่นยำในจังหวะบังคับเลี้ยวในคาร์เรร่า เอส จะมีระบบกระจายแรงบิดสำหรับเพิ่มการทรงตัว รักษาเสถียรภาพของรถ ลดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากสภาวะของถนนเปลี่ยน ในเกียร์อัตโนมัติ จะมีการควบคุมด้วยไฟฟ้าเป็นการเพิ่มความคล่องตัวและแม่นยำในโค้ง
ตัวถังแบบ พาสสีพ แชสซี มีการปรับเปลี่ยนค่าแข็ง – อ่อน คงที่ของสปริงซึ่งจะยุบตัวเป็นสัดส่วนกับน้ำหนักที่กดทับ และ ลักษณะของช่วงล่างใหม่ การตั้งค่าตัวถังทำให้มีการรักษาเสถียรภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้ 911 คาร์เรร่า เอส เป็นรถสปอร์ตฝีเท้าจัด แต่คุมง่าย สั่งได้ดังใจ