ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าอยากจะออกไปผจญภัยด้วยยานพาหนะคู่ใจเพื่อไปให้ได้ไกลกว่ารถปกติธรรมดาที่จะทำได้ ที่ผ่านๆมาก็จะทำการดัดแปลงหรือปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนซึ่งก็แน่นอนว่ามันเลยขอบเขตของกฎหมายที่ทำให้กลายเป็นรถดัดแปลงไป
แต่เดี๋ยวนี้โชคดีหน่อยที่มีรถพร้อมลุยออกมาจากโรงงานฟอร์ดอย่างเรนเจอร์ แร็พเตอร์ที่ทำออกมาให้ใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องทำการดัดแปลงแต่งเติมเข้าไป ซึ่งจะต่างจากรถดัดแปลงเองที่จะหามาตรฐานของการประกอบรวมไปถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ถูกนำมาใช้งานว่าจะทนทานใช้งานได้นานมากน้อยแค่ไหนก็ไม่มีการรับประกัน
สำหรับเรนเจอร์ แร็ปเตอร์ Model Year 2020 ใหม่นี้จะมีบางอย่างที่แตกต่างไปจาก Model 2019 ที่เห็นได้ชัดเจนคือสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนตัวถังจะหายไปแต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาจะเป็นระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ช่วยได้เยอะเมื่อใช้งานในเมือง เมื่อรถคันหน้าเบรกระบบนี้จะช่วยเบรกรถให้อัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางหรือเลนคีปปิ้งเอจ การขับขี่ปกติรถจับจะอยู่ในเลนอาศัยเส้นจราจรที่อยู่ทั้งสองข้างของรถ แต่ถ้าเราขับออกข้างนอกเลนส์มันก็จะเตือนเรามีทั้งเตือนและช่วยดึงกลับ เมื่อมองไปที่จอก็จะมีเส้นบอกว่าเราจะเริ่มออกซ้ายหรือออกขวาโดยสามารถปิดได้จากก้านควบคุมที่อยู่ทางขวาของคอพวงมาลัย
นอกจากนี้ก็จะมีช่องต่อ USB ที่ติดตั้งไว้ตรงฐานขายึดกระจกมองหลังซึ่งจะมีช่อง USB อยู่ 1 ช่อง หากต้องการจะติดกล้องบันทึกจราจรก็สามารถต่อสายไฟเข้ากับตรงนั้นได้เลยไม่ต้องลากสายมาจากช่องเสียบบุหรี่ทำให้สะดวกมากขึ้น
ในรถโมเดลนี้ก็จะมีไฟหน้า LED แบบBI LED ไฟต่ำก็เป็นแอลอีดี LED ไฟสูงก็เป็น LEDด้วย นอกจากนี้ใน Model 2020 ก็จะมีสีใหม่มาให้คือสี Ford Performance Blue อันนี้เป็นสีลิขสิทธิ์ของ ford Performanceโดยเฉพาะ
ขุมพลังที่วางอยู่ในเรนเจอร์ แร็ปเตอร์ใหม่ยังคงเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร แบบ Bi-Turbo ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ จึงทำให้เครื่องยนต์สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงมากๆได้ ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างเทอร์โบแรงดันสูงที่เชื่อมต่อกับเทอร์โบแรงดันต่ำที่มีขนาดใหญ่กว่า ถูกควบคุมด้วยวาล์วบายพาสที่ทำหน้าที่ควบคุมลำดับการทำงานของเทอร์โบทั้งสองลูกที่ขึ้นอยู่กับความเร็วของเครื่องยนต์ เมื่อรอบเครื่องยนต์ต่ำ เทอร์โบทั้ง 2 ตัว จะทำงานตามลำดับเพื่อช่วยเพิ่มแรงบิดและการตอบสนองส่วนรอบเครื่องยนต์สูง อากาศจะไม่ไหลผ่านเทอร์โบแรงดันสูง ทำให้เทอร์โบแรงดันต่ำที่ใหญ่กว่าช่วยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น
ระบบส่งกำลังจะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดที่นำมาจากแร็พเตอร์ เอฟ-150 ผลิตจากวัสดุเหล็กกล้า อะลูมิเนียมอัลลอยคอมโพสิท เพื่อความความทนทานมีน้ำหนักเบา เนื่องจากเกียร์ที่มีถึง 10 จังหวะ ทำให้มีอัตราทดที่แคบลงส่งผลให้มีอัตราเร่งและการตอบสนองที่ดี สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ยังมีแพดเดิ้ลชิพจึงสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทีพวงมาลัยติดตั้งมาให้เพื่อความสนุกสนานในการขับขี่
ในเรนเจอร์ แร็ปเตอร์จะมีแซสซีขนาดใหญ่เพื่อรองรับระบบช่วงล่างที่ออกแบบมาสำหรับการลุยโดยเฉพาะ จึงสามารถเพิ่มระยะช่วงล้อคู่หน้าและหลัง และยังเพิ่มระยะการให้ตัวของล้อได้มากกว่ารถกระบะทั่วไป แชสซีผลิตจากเหล็กอัลลอย HSLA (High-Strength Low-Alloy) เกรดต่างๆ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแรงด้านข้างของแชสซี เพื่อรองรับแรงกระแทกที่เกิดจากการขับขี่ด้วยความเร็วสูงอีกด้วย
แชสซีด้านหน้าได้มีการเพิ่มความแข็งแรงของจุดยึดหูโช้คที่ถูกขยายความสูงขึ้นมา ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อคซึ่งทำขึ้นมาพิเศษเฉพาะเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เท่านั้น รวมถึงระบบวัตต์ลิงค์ ที่ช่วยให้เพลาเคลื่อนที่ขึ้น-ลงได้อย่างอิสระโดยมีการขยับตัวในแนวราบน้อยมาก
อีกทั้งยังมีชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุดทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่รองรับน้ำหนักจากการลากจูงได้ถึง 3.8 ตัน และโครงสร้างแท่นยึดยางอะไหล่ที่ถูกเสริมความแข็งแรงเพื่อรองรับยางอะไหล่ขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้ว ปีกนกทำจากอลูมิเนียมทั้งบนทั้งล่าง โช๊คอัพเป็นของฟ็อกทั้งหน้าหลัง สำหรับช่วงล่างข้างหลังจะเป็นคอยล์สปริงที่ยืดหยุ่นได้มากกว่าแหนบพร้อมดิสเบรค 4 ล้อเพื่อความมั่นใจในการขับขี่
ในฟอร์ดเรนเจอร์แร็พเตอร์นี้จะมีระบบ TMSหรือเทอร์เรนซ์ เมเนจเมนท์ ซิสเต็ม มาพร้อมกับโหมดการขับขี่ที่มี 6 รูปแบบให้เลือก ปุ่มเลือกโหมดจะอยู่ทางด้านขวาพวงมาลัยสำหรับเลือกโหมดต่างๆ
โหมดแรกคือโหมดปกติคือสำหรับการขับขี่ทั่วไปเพื่อความประหยัดน้ำมันและขับสบาย
โหมดสปอร์ตโหมดตอบโจทย์ผู้ที่มีใจรักการขับขี่ทางเรียบ สำหรับการขับขี่บนไฮเวย์บนทางหลวง ก็จะมีการเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงขึ้น พวงมาลัยก็จะหนักขึ้นเพื่อสามารถจะให้รถขับเปลี่ยนเกียร์และก็เร่งได้ฉับไวยิ่งขึ้น
โหมดหญ้า/กรวด/หิมะ เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนที่ลื่นเกียร์จะตัดเร็วขึ้นเพื่อไม่มีทอร์คมากเกินไปอาจทำให้รถสไลด์หรือลื่นระบบแทร็คชั่นคอนโทรลก็จะทำงานไวขึ้นเพื่อไม่ให้เราหลุดไปจากถนน
โหมดถัดมาก็คือโหมดโคลนและทราย โหมดนี้เหมาะสมกับการขับขี่แบบออฟโรด โหมดนี้ก็จะทำการเปลี่ยนรอบเกียร์ที่สูงขึ้นเพื่อสามารถเรียกทอร์คได้ดียิ่งขึ้นและรักษาแรงบิดที่สูงได้ตลอด พวงมาลัยจะหมุนได้เบามือ เหมาะกับการขับขี่แบบออฟโรดที่ต้องการการหมุนพวงมาลัยได้ง่าย
โหมดถัดมาคือโหมด บาฮาอัน นี้เป็นไฮไลท์เลยสำหรับ Ford Ranger Raptor โหมดนี้เกียร์จะเปลี่ยนที่รอบสูงที่สุด เป็นรอบที่สูงมากๆเพื่อที่จะได้รักษาทอร์คเอาไว้และเพื่อให้การขับขี่ที่สนุกโหมดนี้จึงสามารถใช้ได้ทั้งหมดทั้ง 4H และ 2H จะเพิ่มความสนุกสนานได้มาก
โหมดสุดท้ายจะเป็นโหมดร็อค โหมดนี้จะใช้ได้เฉพาะที่เราเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนให้เป็น 4L ระบบนี้จะค้างที่เกียร์ 1 ถ้าล้อหนึ่งล้อใดมันลอย ระบบแทร็กชั่นของโหมดร็อคจะทำงานไวกว่าปกติ เช่นพอล้อหน้าลอยปุ๊บแล้วเราเร่งต่อ ดันต่อไปเรื่อยๆแทร็กชั่นชั่นคอนโทรลจะเริ่มจับล้อที่ลอยไม่ให้ล้อหมุนฟรีและส่งกำลังไปล้อที่ยังอยู่บนพื้นผิวต่อไป