ปัญหาหลักๆของคนใช้รถนำเข้าไปนานๆก็คือเรื่องของการซ่อมบำรุง แต่สบายใจได้สำหรับลูกค้าของปอร์เช่เมื่อออกรถกับเอเอเอส ออโตเซอร์วิสผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการเพียงผู้เดียวในเมืองไทย เวลามีปัญหาก็จะได้รับการบริการทันท่วงที ยิ่งเป็นตอนนี้ก็จะมีรถสไลด์ออนไปรับกันถึงหน้าบ้านเลยทีเดียว
สิ่งที่หลายคนชื่นชอบในความเป็นรถสปอร์ตของ 718 บ็อกซ์สเตอร์ ก็คือ การเป็นรถโรดสเตอร์เครื่องยนต์วางกลางที่มีขนาดกะทัดรัด สามารถเปิดหลังคาได้ แม้ว่าเมืองไทยจะมีโอกาสได้ใช้น้อย แต่ก็มีคนนิยมกันอยู่ ระบบตัวถัง ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อตอบสนองการขับขี่สไตล์สปอร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ
การออกแบบเส้นสายของตัวถังภายนอกเต็มไปด้วยรูปแบบอันล้ำยุค ในทุกจุดของตัวรถล้วนแต่ผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง ตั้งแต่หัวจรดท้าย ไม่ว่าจะเป็นฝากระโปรง กระจกบังลมหน้า ภายในของหลังคาประทุน รวมไปถึงชุดแผงหน้าปัดและคอนโซลที่ได้รับการดีไซน์ขึ้นใหม่ทั้งหมด
ตัวถังของ 718 บ็อกซ์เตอร์ มีการขยายกันชนหน้าให้กว้างขึ้น เพื่อให้ตัวถังดูมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมกับโชว์ช่องดักอากาศเข้าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ เพื่อให้เพียงพอสำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบสมรรถนะสูง ไฟหน้าที่ใช้จะเป็นแบบไบซีนอนที่ถูกออกแบบใหม่ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบแอลอีดีที่ถูกรวมอยู่ในโคมเดียวกัน ขณะที่ด้านข้างจะมีเส้นสายที่ต่อเนื่อง มีช่องรับอากาศด้านข้างพร้อมครีบดักอากาศคู่ขนาดใหญ่เน้นความเป็นสปอร์ต
ท้ายรถถูกขยายให้กว้างรับกับด้านหน้า เน้นสัญลักษณ์ของโลโก้ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โคมไฟท้ายจะเลือกไฟแอลอีดีแบบ 3 มิติ พร้อมไฟเบรกแบบ 4 ลำแสงมาใช้
สำหรับ 718 บ็อกซ์สเตอร์ จะเป็นรถสปอร์ตวางเครื่องยนต์ไว้ตรงกลางขับเคลื่อนล้อหลัง มาคราวนี้มีการปกปิดเครื่องยนต์เอาไว้มิดชิดไม่มีช่องมองเห็นได้อีกต่อไปและจะมีช่องเก็บของได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการกลับมาของเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงนอนอีกครั้งนับตั้งแต่การเปิดตัวในครั้งแรกเมื่อปี 1960 ที่สามารถคว้าชัยในการแข่งขันรายการพาร์ต ฟลอริโกและเลอร์มังส์ ในปี 1950 และ 1960 มาแล้ว
หัวใจหลักในการพัฒนา 718 บ็อกซ์สเตอร์ใหม่ก็คือเครื่องยนต์ ในการนำเครื่องยนต์แบบแถวเรียง 4 สูบนอนยัน มาใช้อีกครั้ง โดยเพิ่มระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเข้าไป ทำให้สามารถรีดพลังจากเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ออกมาได้มากถึง 300 แรงม้าที่6,500รอบ/นาที เทอร์โบชาร์จที่ถูกนำมาใช้จะเป็นแบบแปรผัน ซึ่งปอร์เช่เป็นผู้ผลิตรถยนต์เพียงหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับเครื่องยนต์เบนซินที่ออกมาจากสายพานการผลิตปกติ ส่งผลให้มีกำลังเพิ่มขึ้นพร้อมกับความประหยัดที่เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก
ส่วนแรงบิดสามารถสร้างเพิ่มขึ้นมาเป็น 380 นิวตัน-เมตร ที่ 1,950-4,500 รอบ/นาที พร้อมกับการเพิ่มสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์เพื่อการใช้เชื้อเพลิงทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รุ่นที่ขายในเมืองไทยจะเน้นความสบายในการใช้งาน จึงเลือกชุดส่งกำลังที่เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ พีดีเค 7 สปีด จึงทำให้อัตราบริโภคอยู่ ที่ 14.49 กม./ลิตร สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 275 กม./ชม.
ในการขับครั้งนี้จะได้ลองทั้งโหมดปกติและโหมดสปอร์ต ซึ่งในโหมดสปอร์ต จะรับรู้ถึงความหนึบในการเข้าโค้งได้ดีกว่าโหมดธรรมดา แต่ถ้าใช้งานในชีวิตประจำวันจะไม่เน้นความเร็วโหมดธรรมดาจะได้ความนุ่มนวลมากกว่า โดยปุ่มจะเลือกโหมดจะอยู่ที่วงพวงมาลัยใช้การหมุนเลือดเอาซึ่งจะมีให้เลือกอยู่ 3 โหมดโดยโหมด Normal จะเป็นโหมดที่ถูกเลือกอัตโนมัติเมื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์หมุนไปก็จะเป็น Sport Sport Plus และยินดีด้วย
ในรถรุ่นนี้จะมีการพัฒนาและปรับแต่งช่วงล่างให้มีความสมบูรณ์แบบเพื่อรองรับในการขับขี่ที่แตกต่างกัน โดยใช้ระบบพวงมาลัยอิเล็กโทรเมคคานิกส์ ที่ถูกปรับจูนให้มีความแม่นยำเพิ่มขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ได้ความเฉียบคมในการบังคับควบคุม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในสนามหรือบนท้องถนน นอกจากนั้นยังอุปกรณ์พิเศษที่ทำให้การขับขี่ที่ดีกว่าของระบบควบคุมช่วงล่างด้วยอิเล็กทรอนิคส์ ด้วยการลดความสูงของช่วงล่างลง 10 มม. จึงได้ความมั่นใจในการเดินทางด้วยความเร็วที่สูงเป็นพิเศษ สิ่งที่น่าแปลกใจคือความนุ่มนวลของช่วงล่างที่ปกติเราจะพบกับความกระด้างจนท้องไส้โยกคลอนเมื่อขับรถสปอร์ต แต่สำหรับรถคันนี้ในความเร็วต่ำก็นุ่มเหมือนรถตลาด ส่วนความเร็วสูงก็ยังนุ่มอยู่โดยให้การเกาะถนนที่หนึบซึ่งเป็นสิ่งที่รถตลาดขึ้นมาเทียบได้ยาก
ซึ่งในรถยนต์ที่ติดตั้งเกียร์พีดีเค จะได้ชุดแต่งสปอร์ต โครโน ที่เสริมฟังก์ชั่นการเลือกรูปแบบของการขับขี่ ใน 3 ลักษณะการใช้งานคือ นอร์มอล, สปอร์ต และสปอร์ต พลัส ที่เลือกได้ด้วยสวิตช์ การควบคุมที่ติดตั้งเอาไว้ตรงกึ่งกลางของตำแหน่งสวิตช์ เป็นรูปแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังออกมาเต็มสมรรถนะ
ถึงจะเป็นรถคันเล็กๆมีพื้นที่น้อยแต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีมาให้ครบครันเพียงแต่ปุ่มควบคุมต่างๆจะถูกลดขนาดให้เล็กลงเท่านั้นเอง ภายในห้องโดยสารจะเป็นบรรยากาศที่ดูคุ้นเคยแบบเดียวกับปอร์เช่ทุกรุ่น ถูกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมกับการออกแบบแผงหน้าปัดและชุดคอนโซลใหม่ ที่ขาดไม่ได้คือระบบติดต่อสื่อสารและความบันเทิงเพิ่มฟังก์ชั่น การทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือและชุดเครื่องเสียงกำลังขับสูงไว้เป็นเพื่อนคลายเหงายามเดินทาง
เบาะนั่งจะเป็นเบาะที่กระชับตัวพอดีหมอนรองศีรษะตายตัวใช้การปรับด้วยไฟฟ้าแต่ถ้าจะพับพนักพิงลงไปทางด้านหน้าก็จะมีปุ่มโยกซึ่งจะทำให้การพับเบาะทำได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเป็นรถยนต์เครื่องยนต์วางกลางทำให้ทั้งด้นหน้าและด้านหลังมีพื้นที่เหลือจึงเป็นเป็นพื้นที่สำหรับการจัดเก็บสัมภาระได้มากขึ้น อย่างที่บอกรถคันนี้ช่วงล่างมันนุ่มการใช้เดินทางไกลจึงไม่เหนื่อยซึ่งรถคันอื่นทำได้ยากหากไม่ใช่รถคันนี้