คัมรี่เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางค่อนข้างใหญ่มาแทนโคโรน่าที่เลิกทำตลาดไปเนื่องจากมีการเหลื่อมกันเล็กน้อยเรื่องราคาทำในการเน้นกลุ่มลูกค้าไม่ชัดเจนนัก เข้ามาในตลาดเมืองไทยในฐานะรถนำเข้าจากออสเตรเลียตั้งแต่ปี ’94 ทำให้ราคาอะไหล่ตัวถังพวกไฟหน้า ไฟท้าย แพงมาก แต่พอประกอบขายในเมืองไทยเมื่อปี ’ 99 ทำให้อะไหล่ถูกลงเยอะ
รุ่นแรกที่ประกอบขายเป็นรุ่นไฟท้ายไม้บรรทัด ทำยอดได้ 13,300 คัน พอปี 2002 ก็มีเครื่องยนต์วาล์วแปรผันเข้ามา ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 40,280 คัน ปี 2006 ยอดขายคัมรี่ได้ส่วนแบ่งถึง 55 % ของรถยนต์นั่งขนาดกลางขายไปได้ถึง 76,000 คัน โดยมีรุ่น 2.0 และ 2.4 ให้เลือกพร้อมกับการเปิดตัวรุ่นไฮบริดในโฉมนี้ด้วย
พอปี 2012 คัมรี่ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉมแบบโมเดลเชนจ์อีกครั้ง พร้อมกับการแนะนำเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แทนเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรรุ่นเก่า ไม่มีรุ่นให้เลือกเหมือนกับรุ่น 2.0 เพราะมีแค่รุ่นเดียวโดดๆ รูปโฉมภายนอกของคัมรี่ใหม่ได้กลิ่นอายมาจากเลกซัสเยอะเห็นได้จากเส้นสายต่างๆ โดยเฉพาะด้านหน้าของรถที่ถ่านทอดมาเยอะ หลังคารถมีการกดด้านหน้าลงแล้วยกด้านหลังขึ้น ทำให้ได้ความลู่ลมมากขึ้น ด่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.28 และเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะของเบาะหลังในตำแหน่งของผู้บริหารมากขึ้น
เมื่อเป็นรถขนาดกลางก็ต้องเน้นความหรูหราเป็นเรื่องปกติ มีการเพิ่มลูกเล่นตรงแผงคอนโซลด้วยการเดินด้ายคล้ายๆ กับการเย็บหนัง โดยใช้การหุ้มแผงคอนโซลด้วยไวนิลทำให้นิ่มขึ้นอีกหน่อยไม่กระด้างเหมือนกับพลาสติกฉีดขึ้นรูป
ง่ายๆ กับการเดินเข้าไปในรถขณะที่มีกุญแจนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋า ก็สามารถเปิดประตูเข้าไปกดปุ่มสตาร์ทได้เลย สามารถตั้งโปรแกรมเปิดประตูคนขับฝั่งเดียวหรือจะเปิดทั้งหมดก็ได้
เบาะหนังปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง สำหรับคู่หน้าเป็นเบาะนั่งกึ่งๆ สปอร์ต สามารถปรับพนักพิงศีรษะขึ้นลงหรือพับลงได้ เวลานั่งเบาะจะบีบข้างๆหน่อย
สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังเครื่องยนต์เปลี่ยนเป็นรุ่น 2 AR-FE ที่เป็นเครื่องยนต์วาล์วแปรผันคู่ทั้งทางฝั่งไอดีและไอเสีย ให้กำลังสูงถึง 181 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 231 นิวตัน-เมตร ที่ 4100 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ได้ความต่อเนื่องขึ้นเยอะ ลดข้อด้อยของช่วงห่างของเกียร์ 4 และ 5 ของรุ่นที่แล้วได้เป็นอย่างดีทำให้อัตราเร่งดีขึ้นและจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ราบเรียบจนแทบไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์
ความเร็วจากจุดหยุดนิ่งก็ได้อัตราเร่งที่มารวดเร็วทันใจ แทบจะไม่รู้สึกถึงการกระชากความเร็วไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ สามารถทำได้ถึง 198 กม./ชม. กับระยะทางที่ไม่ยาวมากในช่วงเร่งแซง ช่วงความเร็วกลางๆ ก็ยังทำได้ดีที่เห็นได้ชัดเจนคือ ความประหยัดแม้ว่าจะได้เครื่องยนต์ใหญ่ขึ้นก็ตาม พอเจอเกียร์อัตมัติ 6 สปีดเข้าไป รอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 1,750 รอบต่อนาที เมื่อใช้ความเร็ว 100 กม./ชม.ในช่วงเดินทางจะใช้ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. บริโภคเฉลี่ย 13 กม./ ลิตร ประหยัดขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับรุ่นเก่าที่ทำได้เพียง 9 กม. เศษๆ ต่อลิตร
คัมรี่รุ่นนี้เป็นรถที่ขับสนุกด้วยเห็นได้จากการปรับช่วงให้แข็งขึ้นเยอะ ทำให้การทรงตัวในช่วงความเร็วสูงทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม พวงมาลัยอาจจะไม่หนักมือมากเวลาใช้ความเร็วสูงทำให้ขาดความมั่นใจไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับถอดใจเมื่อน้ำหนักคันเร่งถูกเติมไปเรื่อยๆ คัมรี่ใรุ่น 2.5 ดูจะโดดเด่นกว่ารุ่น2.0เยอะ แม้ว่าจะจ่ายมากกว่าตอนซื้อรถ แต่พอใช้งาน จำนวนน้ำมันที่เติมเข้าไปน้อยกว่า ก็จะช่วยประหยัดได้เยอะเมื่อใช้งานไปนานๆ